ไม่พบผลการค้นหา
‘วราวุธ‘ ยันไม่ส่งตัวเด็กไร้สัญชาติ 19 คนกลับเมียนมา ยันดูแลสวัสดิภาพกาย-ใจ และการศึกษาเต็มที่ตามหลักสิทธิเด็ก มอง ’ทักษิณ‘ เข้าพรรคเพื่อไทยเป็นเรื่องปกติ-ไม่ครอบงำพรรค เชื่อถึงไม่เข้าพรรคก็สร้างแรงกระเพื่อมได้ ยันไม่มีการหารือปรับ ครม.

วันที่ 26 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงการส่งตัวเด็กไร้สัญชาติ 19 คนที่มาเรียนอยู่ใน จ.ลพบุรี กลับประเทศเมียนมา หลังถูกนำตัวมาอยู่ในศูนย์พักพิงใน จ.เชียงราย

โดย วราวุธ ยืนยันว่า ทั้งกระทรวง พม. และรัฐบาลไทย เป็นคู่สัญญากับอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (UNCRC) ซึ่งเป็นคู่สัญญาที่มีมานานกว่า 30 ปีแล้ว ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการส่งตัวเด็ก 19 คนนั้นกลับประเทศเมียนมา ซึ่งหน้าที่หลักขณะนี้ของกระทรวง พม. ขณะนี้จะต้องดูแลสวัสดิภาพทั้งกาย ใจ และการศึกษาของเด็ก จึงไม่แน่ใจว่า ต้นตอข่าวที่ออกมานั้นมีเจตนาอะไร

วราวุธ ยังกล่าวอีกว่า ต้องชี้ใน 2 ประเด็น คือ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับชายแดนไทย-เมียนมา ถือเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ก่อนที่ใครจะให้ข่าวอะไรก็ควรที่จะต้องระมัดระวัง เพราะอาจมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศได้ ขออย่าให้ข่าวเพียงเพื่อความสนุก หรือมันปาก

นอกจากนี้ข่าวที่ออกมาก็ถือเป็นการบั่นทอนกำลังใจของผู้ปฏิบัติงาน โดยเฉพาะข้าราชการกระทรวง พม. ด้วย เพราะตลอดเวลาหลาย 10 ปีที่ผ่านมา กระทรวง พม. เราทำงานในลักษณะปิดทองหลังพระ และยืนยันว่เจ้าหน้าที่จากกระทรวงก็ได้ส่งรายงานมาให้ดูอยู่อย่างต่อเนื่อง และไม่มีประเด็นเรื่องของการส่งตัวเด็กต่างชาติกลับประเทศเมียนมา มีเพียงการให้นำตัวไปอยู่ที่ศูนย์พักพิงใน จ.เชียงราย

วราวุธ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นจากกรณีที่เจ้าหน้าที่กระทรวง พม. จ.ลพบุรี เกิดความสงสัยในกลุ่มเด็กที่ไปบวชสามเณรในวัดแห่งหนึ่ง และมีการเรี่ยไรไถเงิน จึงมีการดำเนินการส่งตัวเด็กกลุ่มดังกล่าวไปยัง จ.เชียงราย และเมื่อในส่วนของจังหวัดได้ทำการตรวจสอบแล้ว ก็พบว่า เด็กกลุ่มดังกล่าวไม่ได้อยู่ในความดูแลของกระทรวง พม. ตั้งแต่แรก แต่อยู่ในความดูแลของภาคเอกชนกลุ่มหนึ่ง

วราวุธ กล่าวต่อไปว่า ส่วนตัวขอขอบคุณภาคเอกชนที่ได้ดูแลเด็กกลุ่มดังกล่าว แต่ก็อยากชี้แจงว่า ภาคเอกชนควรจะรู้ตัวเองดีว่า มีอำนาจในการดูแลเด็กกลุ่มดังกล่าวมากน้อยเพียงใด หากไม่มีอำนาจก็สามารถติดต่อได้ที่กระทรวง พม. หรือหากไม่ได้รับความร่วมมือก็ให้แจ้งมาที่ส่วนตัวโดยตรงได้

ส่วนกระทรวง พม. จะดูแลเด็กต่างชาติ 19 คนนี้ให้ได้รับสัญชาติอย่างไรบ้าง วราวุธ ระบุว่า กระทรวง พม. ไม่ได้มีอำนาจในการให้สัญชาติ เพียงแต่จะดูแลเรื่องของสวัสดิภาพ และความเป็นอยู่ตามหลัก อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก

ส่วนจะมีการส่งตัวไปยังประเทศที่ 3 หรือไม่นั้น เบื้องต้นทราบมาว่า เด็กกลุ่มดังกล่าวไม่ได้เป็นเหยื่อของอาชญากรรมค้ามนุษย์ ดังนั้นจึงไม่สามารถใช้วิธีการกลไกส่งต่อระดับชาติเพื่อช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหาย (National Referral Mechanism : NRM) ดังนั้นจะต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีวิธีการดำเนินการกับเด็กกลุ่มดังกล่าวต่อไป


มอง ’ทักษิณ‘ เข้าพรรคเพื่อไทยเป็นเรื่องปกติ

วราวุธ กล่าวถึงกรณีที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางเข้าพรรคเพื่อไทยในวันนี้ 

โดย วราวุธ กล่าวว่า ถ้าจำไม่ผิด ทักษิณ ท่านเป็นพ่อของ แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ถ้าคุณพ่อไปที่ทำการของลูกไม่ได้ ก็คงจะผิดปกติ และที่สำคัญพรรคเพื่อไทยก็เป็นพรรคเก่าแก่ที่ทักษิณได้มีส่วนร่วมในการก่อร่างสร้างขึ้นมา

ดังนั้น จึงถือเป็นเรื่องปกติ ที่จะเข้าไปทักทายเพื่อนสนิทมิตรสหายที่เคยทำงานร่วมกันมา และไม่จำเป็นต้องมองเป็นประเด็นทางการเมือง ถ้าหากจะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมแล้วนั้น คนระดับ ทักษิณ อยู่ที่ไหน ก็สามารถสร้างแรงกระเพื่อมได้ทั้งนั้น โดยไม่จำเป็นต้องไปที่ไหนอย่างไร 

ส่วนจะเป็นการครอบงำพรรคหรือไม่นั้น วราวุธ มองว่า อย่างในกรณีของ กัญจนา ศิลปอาชา ที่ปรึกษารัฐมนตรีกระทรวง พม. ก็เป็นพี่สาวของตน มีศักดิ์เป็นพี่สาวของรัฐมนตรี และทักษิณก็มีศักดิ์เป็นพ่อของหัวหน้าพรรค ดังนั้นคงไม่ใช่การครอบงำพรรค เพราะเชื่อว่า แพทองธาร มีวิจารณญาณ และมีศักยภาพในการทำงานพอสมควร แต่การที่มีปัญหา หรือข้อหารือใดๆ กับคุณพ่อ ก็ไม่ต่างจากตนเองที่ต้องปรึกษาพี่สาวในการทำงาน เชื่อว่า เป็นเรื่องปกติในครอบครัว ที่จะต้องปรึกษาหารือกัน

ส่วนกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) นั้น ได้ยินข่าวจากสื่อมวลชน แต่ว่าใน ครม.เอง ยังไม่มีใครได้พูดคุยกัน ว่าโดยธรรมเนียมแล้วหากจะมีการปรับ ครม. ทางพรรคแกนนำอย่างพรรคเพื่อไทย จะต้องเชิญแกนนำพรรคร่วมหารือกันก่อน ยืนยันว่า ในขณะนี้ ยังไม่มีการพูดคุยกัน