ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงสถานการณ์ฝุ่นในพื้นที่กรุงเทพมหานครและกรณีการเรียกรับเงินของผู้อำนวยการโรงเรียนบางชัน (ปลื้มวิทยานุสรณ์) เขตคลองสามวา ว่า สถานการณ์ฝุ่นในกรุงเทพฯ เริ่มรุนแรงตั้งแต่เมื่อวานนี้ ซึ่งเกิดจากสภาพอากาศที่ปิด ประกอบกับลมต่ำมาก ทำให้ฝุ่นที่หมุนเวียนในกรุงเทพฯ ไม่ได้ระบายออก อีกส่วนเกิดจากต้นกำเนิดฝุ่น ทั้งจากรถยนต์และการเผาชีวมวลด้านนอก โดยพบว่าเกิด Hot Spot เพิ่มขึ้นหลายจุด ซึ่งช่วงเช้ากรมควบคุมมลพิษแจ้งว่าพบมากถึง 1,200 จุด ในพื้นที่ประเทศไทย รวมถึงยังพบในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะกัมพูชา ซึ่งจะมาถึงเราโดยตรง ทำให้หลายจังหวัดมีค่าฝุ่นเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน
แต่สิ่งที่ดีขึ้นคือการพยากรณ์ของเราแม่นยำขึ้น ซึ่งช่วงต้นสัปดาห์นี้เราเห็นแล้วว่าอีก 3 วันจะมีฝุ่นรุนแรง จึงได้ประกาศแจ้งเตือนล่วงหน้ามาโดยตลอด เป็นระบบเตือนภัยที่เข้มข้นขึ้น ทั้งในโรงเรียนและการแจ้งเตือนผ่าน Line Alert ซึ่งปัจจุบันมีผู้ Add แล้วกว่า 100,000 คน อย่างไรก็ตามการปฏิบัติในเบื้องต้นคือการดูแลตนเองอยู่เสมอ โดยการสวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่อออกพื้นที่กลางแจ้ง
รวมถึงยังมีแผนฝุ่น ซึ่งเป็นวาระแห่งชาติที่กทม.ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่ง โดยหากค่าฝุ่นละอองสูงเกิน 75 มค.ก./ลบ.ม. ต่อเนื่อง (รวมวันพยากรณ์) 3 วัน ต้องมีมาตรการดำเนินการ ในส่วนกทม.ก็มีคำสั่งให้ Work from Home ในส่วนของเอกชนก็ให้เขตขอความร่วมมือ โดยจะมีการสรุปเป็นรายงานแจ้งอีกครั้ง สำหรับส่วนราชการอื่นก็ได้ประสานอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และรองนายกรัฐมนตรี เพื่อขอความร่วมมือในการ Work from Home เช่นกัน ซึ่งหากลดลงเพียง 10% จะทำให้การจราจรติดขัดน้อยลงและฝุ่นน้อยลงด้วย
สำหรับการตัดสินใจไม่สั่งปิดโรงเรียน เนื่องจากเห็นว่าการปิดโรงเรียนจะเป็นการสร้างภาระให้คุณพ่อ คุณแม่ ผู้ปกครอง เพราะไม่มีใครดูแลให้ หากอยู่ที่โรงเรียน ยังมีครูช่วยดูแลให้เด็กได้อยู่แต่ในห้องที่ปิด สวมใส่หน้ากากอนามัย และมีอาหารรับประทาน แต่ถึงแม้จะไม่มีการปิดโรงเรียนแต่ได้เน้นย้ำห้ามจัดกิจกรรมในที่โล่งแจ้ง และกำกับดูแลให้นักเรียนสวมใส่หน้ากากอนามัย แต่หากคุณพ่อ คุณแม่เป็นห่วงระหว่างการเดินทาง ก็อนุญาตให้หยุดใน 2 วันนี้ได้ จากการลงพื้นที่ตรวจสอบโรงเรียนในช่วงเช้า ที่โรงเรียนสุเหร่าสามอิน เขตวัฒนา ก็พบว่ามีการใส่หน้ากากอนามัยเรียบร้อยดี อย่างไรก็ดีผู้อำนวยการเขตทั้ง 50 เขต มีอำนาจประกาศพื้นที่ควบคุมเหตุรำคาญ ตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข ฯ ซึ่งจะทำให้สามารถควบคุมการเผาในที่โล่งได้ นอกจากนี้คงต้องขอความร่วมมือในเรื่องการเผากระดาษเงิน กระดาษทอง และธูปเทียน ซึ่งก็พบว่าขณะนี้ดีขึ้นมาก รวมถึงเรื่องของการควบคุมกิจการก่อสร้างที่กทม.เป็นเจ้าของโครงการ เราก็จะเข้มงวดมากขึ้นด้วย
“แผนฝุ่นเป็นแผนระดับชาติ สาเหตุหลักคือรถยนต์และการเผาชีวมวล กทม.ก็สามารถควบคุมได้ระดับหนึ่ง แต่ก็ยังมีปัจจัยอื่น เช่น การปรับเรื่องเครื่องยนต์เป็นยูโร 5 ยูโร 6 การเปลี่ยนเป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) การพัฒนาประสิทธิภาพขนส่งสาธารณะ การย้ายท่าเรือคลองเตย เป็นต้น ซึ่งหน่วยงานภาครัฐต้องร่วมมือกันทำตามแผนฝุ่นระดับชาตินี้ เพื่อให้การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองดีขึ้นในระยะยาว” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวต่อไปว่า สำหรับการใช้หน้ากาก N95 อาจจะมีราคาแพงและหายใจยาก ประชาชนสามารถใส่หน้ากากประเภท Surgical Mask ซึ่งสามารถกันฝุ่นได้ประมาณ 60% โดยหากใส่ 2 ชั้น อาจกันฝุ่นได้ถึง 80% และราคาไม่แพง ในส่วนของการออกกำลังกายก็ควรออกกำลังกายในร่ม และติดตามพยากรณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งคาดว่าวันเสาร์-อาทิตย์นี้จะดีขึ้น เนื่องจากลมเปลี่ยนทิศ ซึ่งเรื่องของการพยากรณ์ให้แม่นยำไม่ใช่เรื่องง่ายแต่กทม.ก็กำลังพยายามเรื่องของข้อมูลและตัวแปรต่าง ๆ ให้เต็มที่
สำหรับกรณีผู้อำนวยการโรงเรียนบางชัน (ปลื้มวิทยานุสรณ์) เขตคลองสามวา ถูกแจ้งข้อหาเรียกรับเงิน ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ เรามีนโยบายที่ชัดเจนและเด็ดขาดในการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งการดำเนินการวินัยเป็นอำนาจของปลัดกรุงเทพมหานคร โดยได้สั่งให้ดำเนินการขั้นสูงสุดตามกรอบที่กฎหมายอนุญาต เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง แต่ก็ให้สิทธิในการชี้แจงเช่นเดียวกัน เบื้องต้นจะให้พักราชการไว้ก่อนและจะมีการไต่สวนอย่างเป็นธรรม เชื่อว่าปัจจุบันไม่มีความลับในโลก ทุกคนมีโทรศัพท์มือถือ มีการอัดเทป นี่ถือเป็นตัวอย่าง โดยถึงแม้กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างจะถูกกฎหมาย แต่กระบวนการตรวจรับก็อาจมีช่องว่าง ซึ่งกทม.จะดูที่คุณภาพอาหารเด็กเป็นสำคัญ โดยมอบพล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง
จักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเสริมว่า จากกรณีดังกล่าว ขณะนี้สำนักงานเขตคลองสามวาทำเรื่องมาแล้ว จากนั้นปลัดกรุงเทพมหานครในฐานะผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้ง จะมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง เนื่องจากเป็นความผิดที่ชัดแจ้ง และขณะเดียวกันจะมีคำสั่งให้พักราชการไว้ก่อน ทั้งนี้ ในการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงจะมีการกำหนดว่าต้องแล้วเสร็จภายในกี่วัน เช่น 15 วัน หรือ 30 วัน ซึ่งปลัดกรุงเทพมหานครจะเป็นผู้พิจารณา
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ในเรื่องนี้ต้องเริ่มจากการแต่งตั้งโยกย้ายที่เป็นธรรม ให้ใช้คนที่มีคุณภาพ และห้ามทำการซื้อขายตำแหน่งโดยเด็ดขาด ที่ผ่านมาก็พยายามปรับตรงนี้อยู่ ให้มีความโปร่งใส ยุติธรรม พร้อมหาแนวร่วมในการแจ้งปัญหาหรือเบาะแสผ่านช่องทางต่าง ๆ อาทิ Traffy Fondue โดยจะปกป้องข้อมูลของผู้แจ้ง ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญและทำให้ประชาชนไว้ใจ
“เรื่องของอาหารกลางวัน เราต้องยอมรับความจริง แต่เราต้องรีบแก้เมื่อเห็นปัญหา หัวใจสำคัญคือการยอมรับว่ามีปัญหา จึงจะทำให้แก้ปัญหานั้นได้ ในเรื่องนี้ จากการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงเรียนสุเหร่าสามอิน คุณครูที่โรงเรียนก็แสดงความเสียใจ ซึ่งกรณีทุจริตนั้น แม้ว่าเกิดจากคนไม่ดีไม่กี่คนก็สามารถทำให้คนส่วนใหญ่เสียไปด้วย ก็ขอเป็นกำลังใจให้คุณครูของกทม.ทุกท่าน และยังเชื่อมั่นในตัวคุณครูทุกท่าน หากในโรงเรียนมีคนที่ทำผิด มีพฤติกรรมทุจริต หน้าที่เราคืออย่าไปยอม ต้องแจ้งเบาะแส เพื่อเอาคนพวกนี้ออกจากระบบ และเพื่อให้คนที่เหลือมีกำลังใจในการทำงาน นอกจากนี้ วิธีแก้อีกอย่างคือการดูแลคุณภาพอาหาร หากเป็นการประมูลที่มีการแข่งขันถูกต้อง มีการควบคุมคุณภาพอาหารให้เหมาะกับราคากลาง ก็จะไม่มีช่องว่างให้ถูกเอาไปใช้อย่างอื่นได้” ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าว
พร้อมกล่าวด้วยว่า ในส่วนของเรื่องส่วยหาบเร่แผงลอย ที่ผ่านมาก็มีการโยกย้ายหัวหน้าฝ่ายเทศกิจ 42 เขต แต่ไม่ใช่เรื่องของการทุจริต เพียงแต่ต้องการให้ได้ทำงานในบรรยากาศใหม่ที่ไม่คุ้นเคย เพื่อให้เห็นปัญหาในอีกมุมมองหนึ่ง