ทั้งนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสยังทรงย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วน ในการช่วยเหลือ "ผู้คนที่เปราะบางที่สุด เหยื่อผู้บริสุทธิ์" ของการรุกรานอย่างเต็มรูปแบบโดยรัสเซียที่เริ่มขึ้นเมื่อปีที่แล้ว
ก่อนหน้าการเข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส เซเลนสกีได้เข้าพบกับ เซอร์จิโอ มัตตาเรลลา ประธานาธิบดีอิตาลี และ จอร์เจีย เมโลนี นายกรัฐมนตรีอิตาลี ซึ่งรับรองกับประธานาธิบดียูเครน ถึงการสนับสนุนของอิตาลีที่มีต่อยูเครนอย่างเป็นเอกภาพ ทั้งนี้ ทางการอิตาลีมีการวางกำลังตำรวจมากกว่า 1,000 นาย และประกาศเขตห้ามบินเหนือกรุงโรม
ในแถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ (13 พ.ค.) สันตะสำนักระบุว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสและประธานาธิบดีเซเลนสกี "หารือเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านมนุษยธรรม และการเมืองในยูเครนที่เกิดจากสงคราม อันกำลังดำเนินอยู่" ระหว่างการประชุมที่กินเวลาประมาณ 40 นาที โดย "ทั้งคู่เห็นพ้องต้องกันในความจำเป็น ในการดำเนินการด้านมนุษยธรรมเพื่อช่วยเหลือประชาชน"
แถลงการณ์ระบุเสริมว่า "สมเด็จพระสันตะปาปาทรงยืนยันถึงการอธิษฐานอย่างต่อเนื่อง และการวิงวอนขอสันติภาพอย่างต่อเนื่องต่อพระเจ้า ตั้งแต่เดือน ก.พ.ปีที่แล้ว" เมื่อ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ออกคำสั่งให้กองทัพบุกโจมตียูเครนอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสตรัสบ่อยครั้งว่า สำนักวาติกันพร้อมที่จะทำหน้าที่เป็นสื่อกลาง ในความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน
เมื่อช่วงต้นเดือนนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสจตรัสว่า สำนักวาติกันกำลังดำเนินการเกี่ยวกับแผนสันติภาพเพื่อยุติสงคราม โดยทรงย้ำว่าภารกิจดังกล่าว "ยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ โดยเมื่อเผยแพร่แล้ว ข้าพเจ้าจะพูดถึงเรื่องนี้"
อย่างไรก็ดี ความสัมพันธ์ระหว่างยูเครนกับวาติกันมีความอึดอันกันในบางครั้ง หลังจากไม่กี่เดือนหลังจากสงครามยูเครนได้เริ่มต้นขึ้น สมเด็จพระสันตปาปาได้ตรัสในการให้สัมภาษณ์ว่า การรุกรานของรัสเซียนั้น "อาจถูกยั่วยุอย่างใดอย่างหนึ่ง"
และเมื่อเดือน ส.ค.ปีที่แล้ว เอกอัครราชทูตยูเครนประจำสำนักวาติกันวิจารณ์สมเด็จพระสันตปาปา หลังจากที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงเรียก ดารียา ดูจินา ลูกสาวของบุคคลสำคัญในรัสเซีย ที่มีแนวคิดชาตินิยมสุดโต่ง ซึ่งถูกสังหารด้วยคาร์บอมบ์ว่าเป็นเหยื่อที่ "ไร้เดียงสา" ของสงคราม
ที่มา: