วันที่ 21 ก.ค.2565 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล จำนวน 11 คน เป็นวันที่สาม ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม โดยระบุว่า จากที่ประเทศไทยเคยเป็นประเทศที่พัฒนาประชาธิปไตยอย่างมั่นคงและยั่งยืน ประชาชนเคยมีความหวังว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะนำพาโอกาสและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมาสู่ประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ กลายเป็นผู้นำที่พาประเทศสู่วิกฤติประชาธิปไตย ประชาชนเห็นตรงกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นปรปักษ์ต่อประชาธิปไตยในประเทศ
โดยเมื่อปี 2557 คือจุดเริ่มต้นที่ส่งผลกระทบมาถึงปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ์ยึดอำนาจ ฉีกรัฐธรรมนูญที่มาจากประชาชน ทั้งใช้อำนาจเล่นงานผู้เห็นต่างจนหลายคนต้องลี้ภัย หนึ่งในนั้นคือคนที่ พล.อ.ประยุทธ์ถามหาตั้งแต่วันแรก ไม่ต้องกลัว คนเก่งคนนั้นอยู่ในใจพี่น้องประชาชน
ธีรรัตน์ ระบุต่อว่า ในด้านต่อไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ทำ คือการครอบงำรัฐสภา โดยในการอภิปรายวันแรก ทุกคนคงเคยได้ยินเรื่องการแจกกล้วยบ่อยครั้ง มูลค่านับล้านบาท เพื่อแทรกแซงผลโหวตงบประมาณ เพื่อยกให้ผ่านกฎหมาย เพื่อไว้วางใจรัฐมนตรี และรักษาเก้าอี้ของตนเองไว้ รวมทั้งระบบการแจกกล้วยและเลี้ยงงูเห่า เป็นเรื่องที่เคยมีมากในการเมืองไทยช่วงก่อนจะมีรัฐธรรมนูญปี 2540 ไม่น่าเชื่อว่าความเร็วร้ายจะกลับมาอีกในสมัยของ พล.อ.ประยุทธ์
“การเมืองไทยมาถึงจุดที่ใช้กล้วยเป็นแรงจูงใจสำคัญในการชักชวนให้ ส.ส. ลงคะแนนไว้วางใจนายกฯ และรัฐมนตรีที่ถูกอภิปราย ถามว่ากล้วยเหล่านั้นมาจากไหน ก็มาจากภาษีของพี่น้องประชาชน มาจากการฉ้อฉลคอร์รัปชัน”
ธีรรัตน์ ย้ำว่า การแจกกล้วยเลี้ยงงูเห่ามีให้เห็นได้ในหลายกรณีตั้งแต่การยุบพรรคการเมือง หรือขู่ว่าจะยุบ จากนั้นก็ใช้กล้วยเพื่อล่อซื้อให้ ส.ส. จำนวนหนึ่งย้ายพรรค จนยอมทรยศเจตนารมณ์ของประชาชน สนใจแต่เพียงว่าจะมีกล้วยเมื่อไหร่ จะโทรหาใครดี เพื่อติดต่อขอกินกล้วย ไม่สนใจความเดือดร้อนของประชาชน หรือการแจกกล้วยให้ ส.ส. ฝ่ายค้านไปขึ้นเวทีปราศรัยและสนับสนุนฝ่ายรัฐบาลอย่างไม่ละอายใจ ทั้งที่ยังไม่มีการประกาศยุบสภาหรือเข้าสู่ช่วงของการเลือกตั้งรอบใหม่
ผู้้สื่อข่าวรายงานว่า คารม พลพรกลาง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ลุกประท้วง โดยระบุสถานะตนเองว่า “ผม นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ จังหวัดร้อยเอ็ด ไม่บอกพรรคครับ” จากนั้น คารม ประท้วงว่า ธีรรัตน์ที่อภิปรายพาดพิงผู้ที่ไม่น่าจะเป็นใครอื่นแล้วนอกจากตน โดยใช้การเสียดสีใส่ร้ายกล่าวหาตน แม้ตนจะอยู่ในสถานะที่พรรคถูกยุบ และตนประกาศแล้วว่าจะไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย แต่ผู้อภิปรายก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องว่าร้ายตนเช่นนั้น การกล่าวเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น ไม่ควรประพฤติ
ทำให้ ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่ประธานการประชุม ได้ปิดไมค์ของคารม พร้อมระบุว่า เนื่องจากผู้อภิปรายไม่ได้ระบุตัวคน และขอร้องให้เข้าใจว่านักการเมืองแต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่าไปคิดว่านักการเมืองทุกคนจะกินกล้วยหมด เช่นที่ ธีรรัตน์ อภิปราย ทุกๆ วงการล้วนมีความแตกต่างกัน อยู่ที่แต่ละคน อย่าให้สังคมมองพวกเราไม่ดี
จากนั้น ธีรรัตน์ อภิปรายต่อไปว่า พล.อ.ประยุทธ์ ใช้การแจกกล้วยเพื่อครอบงำการทำงานสภา ใช้เนติบริการออกแบบกฏหมายให้พรรคการเมืองอ่อนแอ นักการเมืองจะยกมือโหวตต่อสิ่งที่ขัดหลักการก็ได้ เช่นที่ประธานฯ ได้บอกว่า ทุกอาชีพมีทั้งคนดีและคนเลว ส่วนคนเลว ถ้าร้อนตัว และจะปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น ตนก็ไม่ว่า