ไม่พบผลการค้นหา
นิด้าโพล ระบุ อาชีพที่เด็กอยากเป็นในยุคดิจิทัลที่สุดคือ อาชีพส่วนตัว รองลงมาเป็นครู/อาจารย์ สวนทางกับผู้ปกครองที่อยากให้บุตรหลานประกอบอาชีพรับราชการมาเป็นอันดับหนึ่ง

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น 'นิด้าโพล' เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง "เด็กและเยาวชนไทยในยุคดิจิทัล" จากประชาชนที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป รวมทั้งสิ้น 1,270 ตัวอย่างเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนไทยในยุคดิจิทัล 

จากการสำรวจเมื่อถามถึงอาชีพในฝันที่เด็กและเยาวชนไทยอยากเป็นในยุคดิจิทัล ( 5 อันดับแรก ) พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 15.83 ระบุว่า เป็นอาชีพส่วนตัว (ค้าขาย เสริมสวย ฯลฯ) รองลงมา อันดับ 2 ร้อยละ 12.40 ระบุว่าเป็นอาชีพครู/อาจารย์ อันดับ 3 ร้อยละ 11.87 ระบุว่าเป็นอาชีพรับราชการ อันดับ 4 ร้อยละ 11.61 ระบุว่าเป็น อาชีพแพทย์ / พยาบาล และอันดับ 5 ร้อยละ 6.86 ระบุว่าเป็นอาชีพวิศวะ/สถาปนิก/นักออกแบบดีไซน์

ด้านความคิดเห็นเกี่ยวกับอาชีพที่ผู้ปกครองอยากให้บุตรหลานเป็น ในยุคดิจิทัล (5 อันดับแรก) พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 30.08 ระบุว่าเป็น อาชีพรับราชการ (ไม่ระบุสาขา) รองลงมา อันดับ 2 ร้อยละ 15.82 ระบุว่าเป็น อาชีพแพทย์/พยาบาล อันดับ 3 ร้อยละ 13.36 ระบุว่าเป็น อาชีพอาชีพส่วนตัว (ค้าขาย เสริมสวย ฯลฯ) อันดับ 4 ร้อยละ 7.30 ระบุว่าเป็น อาชีพครู/อาจารย์ และอันดับ 5 ร้อยละ 7.18 ระบุว่าเป็น อาชีพนักธุรกิจ

สำหรับคุณสมบัติที่ดีของเด็กไทยในยุคดิจิทัล ตามความคิดเห็นของประชาชน พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 39.69 ระบุว่า มีระเบียบวินัย เคารพกฎระเบียบ รองลงมา ร้อยละ 38.03 ระบุว่า มีคุณธรรมจริยธรรม ช่วยเหลือสังคม ไม่เห็นแก่ตัว ร้อยละ 36.38 ระบุว่า มีความอดทน อดกลั้น ร้อยละ 27.17 ระบุว่า รู้จักการคิดวิเคราะห์ แยกแยะข้อมูลที่ได้รับ ร้อยละ 26.69 ระบุว่า มีความคิดสร้างสรรค์ คิดนอกกรอบ ร้อยละ 19.21 ระบุว่า หมั่นศึกษาหาข้อมูลหรือนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ในการเรียน ร้อยละ 16.61 ระบุว่า มีทักษะในการใช้ภาษาต่างประเทศได้ดี และร้อยละ 12.83 ระบุว่า ไม่ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับโลกอินเทอร์เน็ต

เมื่อถามถึงของขวัญวันเด็กด้านการศึกษาที่ประชาชนต้องการจากรัฐบาลชุดใหม่ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 30.00 ระบุว่า กระจายโอกาสให้เข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม รองลงมา ร้อยละ 29.76 ระบุว่า โครงการเรียนฟรีถึงระดับปริญญาตรี ร้อยละ 19.69 ระบุว่า ส่งเสริม พัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา ร้อยละ 6.85 ระบุว่า พัฒนาหลักสูตรการศึกษาระดับอาชีวศึกษา ร้อยละ 3.23 ระบุว่า การพัฒนาระบบอินเทอร์เน็ต (จัดหา High Speed Internet ในโรงเรียน) ร้อยละ 2.99 ระบุว่า แก้ปัญหาระบบแอดมิดชั่น ร้อยละ 2.83 ระบุว่า กำจัดค่าแป๊ะเจี๊ยะ และร้อยละ 4.65 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ พัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และให้การสนับสนุนด้านอุปกรณ์กีฬา สื่อการเรียนการสอนที่ทันสมัย ขณะที่บางส่วนระบุว่า ไม่ต้องการของขวัญอะไรจากรัฐบาลชุดใหม่ 

ส่วนปัจจัย/เหตุผล ของผู้ปกครองในการเลือกโรงเรียนให้กับบุตรหลาน พบว่า ผู้ปกครองส่วนใหญ่ ร้อยละ 35.13 ระบุว่า การเดินทาง รองลงมา ร้อยละ 27.83 ระบุว่า บุคลากรในโรงเรียน (ครู และ ผู้บริหาร) ร้อยละ 24.69 ระบุว่า ค่าใช้จ่ายการเรียน ร้อยละ 21.66 ระบุว่า สถานที่และสภาพแวดล้อมดี ร้อยละ 20.20 ระบุว่า ความปลอดภัย ร้อยละ 14.93 ระบุว่า ชื่อเสียงโรงเรียน ร้อยละ 12.46 ระบุว่า หลักสูตรมีการสอนภาษาต่างประเทศ ร้อยละ 12.23 ระบุว่า ขึ้นอยู่กับความต้องการของบุตรหลานเอง ร้อยละ 11.67 ระบุว่า โรงเรียนรัฐบาลหรือโรงเรียนเอกชน ร้อยละ 10.77 ระบุว่า สิ่งอำนวยความสะดวกและการบริการ ร้อยละ 1.12 ระบุว่า เครื่องแบบนักเรียน และร้อยละ 1.01 ระบุอื่น ๆ ได้แก่ มีหลักสูตรการเรียนการสอนที่มีคุณภาพ  

เมื่อถามถึงความคิดเห็นของผู้ปกครองเกี่ยวกับการห้ามไม่ให้มีการสอบคัดเลือกเข้าประถมศึกษาปีที่ 1 หากฝ่าฝืนจะถูกปรับไม่เกิน 5 แสนบาท เข้ากองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พบว่า ผู้ปกครองส่วนใหญ่ ร้อยละ 52.41 ระบุว่า เห็นด้วย รองลงมา ร้อยละ 25.25 ระบุว่า ไม่เห็นด้วย ร้อยละ 18.86 ระบุว่า เห็นด้วยอย่างยิ่ง ร้อยละ 2.58 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง และร้อยละ 0.90 ระบุว่า ไม่แน่ใจ 

"อเด็คโก้" เผยผลสำรวจอาชีพในฝันเด็กไทยพบ "หมอ" เป็นอันดับหนึ่ง

ด้าน กลุ่มบริษัทอเด็คโก้เผยผลสำรวจ 'อาชีพในฝันของเด็กไทย' ครั้งที่ 10 ปี 2562 จากการสำรวจเด็กไทยที่มีอายุ 7-14 ปี จำนวน 2,684 คน พบว่า อาชีพที่เด็กไทยใฝ่ฝันอยากทำมากที่สุดคืออาชีพ “หมอ” เนื่องจากเป็นอาชีพที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น ได้บุญ และมีรายได้ดี รองลงมาคือ อาชีพ “ครู” ด้วยเหตุผลอยากสอนเด็กไทยให้เป็นคนดีมีความรู้ อันดับสามได้แก่ อาชีพ “นักกีฬา” โดยส่วนใหญ่อยากเป็นนักฟุตบอลเพราะรักในการเล่นฟุตบอล ส่วนอาชีพในฝันของเด็กไทยอันดับสี่ได้แก่อาชีพ “ทหาร” และอันดับห้า ได้แก่ “นักกีฬา E-Sport และ นักแคสเกม” ที่มาแรงติดเทรนด์ Top5 อาชีพในฝันของเด็กไทยปีนี้เป็นปีแรก

กิจกรรมวันเด็ก กองทัพอากาศจัดแสดงบินอากาศยาน

กองทัพอากาศมุ่งเน้นสานฝัน สร้างแรงบันดาลใจ ให้ความรู้ และประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์แก่เด็กและเยาวชนที่มีความสนใจในด้านการบิน เทคโนโลยี และการทหาร ได้ร่วมกิจกรรมต่างๆ อย่างใกล้ชิด ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยมีกิจกรรมที่น่าสนใจ ประกอบด้วย การแสดงการบินของอากาศยานแบบต่างๆ ของกองทัพอากาศ ได้แก่

- การบินปล่อยควันสีธงชาติ โดยเครื่องบินโจมตีและธุรการแบบ AU-23 A 

- การบินต่อสู้ในอากาศ และโจมตีทางอากาศ โดยเครื่องบินขับไล่แบบ F-16 และ F-5 

- การบินค้นหาและช่วยชีวิต โดยเฮลิคอปเตอร์แบบ EC-725 

- การบินแสดงสมรรถนะอากาศยาน โดยเครื่องบินขับไล่แบบ Gripen 

- การแสดงการบินหมู่ โดยเครื่องบินฝึกแบบ PC-9 

- การแสดงการบินหมู่ โดยเครื่องบินฝึกแบบ CT-4E

สำหรับเด็กและเยาวชน ตลอดจนผู้สนใจ สามารถร่วมกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติกองทัพอากาศได้ในวันที่ 12 มกราคม 2562 ระหว่างเวลา 07.00-15.30 น. พร้อมกันทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยในส่วนกลาง ณ ที่ตั้งดอนเมือง จัดกิจกรรมบริเวณลานจอดอากาศยาน ฝูงบิน 601 กองบิน 6 ดอนเมือง, พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ, สนามกีฬาสำนักงานผู้บังคับทหารอากาศดอนเมือง และสนามบินเล็กกองทัพอากาศ (ทุ่งสีกัน) 

ทำเนียบฯ เปิดนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี-โชว์หุ่นไดโนเสาร์

สำหรับเด็ก ๆ และเยาวชนที่สนใจมาเที่ยวงานวันเด็ก ณ ทำเนียบรัฐบาล จะได้เยี่ยมชมห้องทำงาน และนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี พร้อมชมการแสดงหุ่นยนต์ และหุ่นไดโนเสาร์ สามารถเดินทางมาเที่ยวและร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป โดยภายในงานมีการจัดกิจกรรมให้ความรู้ และกิจกรรมนันทนาการให้เด็ก ๆ ได้ร่วมสนุกเล่นเกมส์ ประกอบด้วย กิจกรรมนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับการลดใช้พลังงาน ของกระทรวงพลังงาน กิจกรรมขององค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ นิทรรศการความหลากหลายทางชีวภาพ ของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นิทรรศการ “สองกษัตริย์นักพัฒนา” ของสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.)


ไดโนเสาร์ ทำเนียบ_190110_0012.jpg

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :