ไม่พบผลการค้นหา
“ในประเทศไทย คุณสามารถพูดได้ทุกสิ่งทุกอย่างยกเว้นความจริง ใครนำความจริงที่เป็นผลเสียต่อรัฐบาลหรือทหารคุณจะต้องถูกกำจัด”

พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และอดีตหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา กล่าวในงานเสวนา “Thailand’s Fearless Cop” Round table on Human Trafficking in Southeast Asia ของมหาวิทยาลัยแมคควอรี่ ออสเตรเลีย

พล.ต.ต.ปวีณ เล่าย้อนหลังเหตุการณ์และชีวิตการเป็นข้าราชการตำรวจในประเทศไทยกว่า 3 ทศวรรษของตนเอง ก่อนที่จะได้รับคำสั่งให้เข้ามาเป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา หลังจากการพบศพชาวโรฮิงญาถูกฝังจำนวนมาก พร้อมกันกับการเปิดโปงขบวนการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา ที่มีผู้มีอำนาจในประเทศไทยเข้าไปมีความเกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อม

ความพยายามของ พล.ต.ต. ปวีณ ส่งผลให้มีการตั้งข้อกล่าวหาต่อผู้ต้องสงสัย 153 ราย และ 91 รายในนั้นถูกจับกุมตัว อย่างไรก็ดี ความพยายามของ พล.ต.ต. ปวีณ ถูกสะกัดเอาไว้ ด้วยการสั่งปิดคดีช่วงเดือน พ.ย. 2558 หลังจากนั้นไม่นาน มีคำสั่งย้าย พล.ต.ปวีณให้ไปประจำการทางภาคใต้ พล.ต.ต.ปวีณ ระบุว่าคำสั่งย้ายดังกล่าวไม่ต่างอะไรไปจากการส่งให้ตนไปตาย ท่ามกลางพื้นที่ที่มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากคดีการค้ามนุษย์โรฮิงญา ที่ยังคงวนเวียนอยู่ในพื้นที่เพื่อรอการล้างแค้นแก่ตน

มีการยื่นข้อเสนอให้ พล.ต.ต.ปวีณ ลาออกและเก็บตัวเงียบเพื่อไม่ให้ภัยอันตรายจากการเป็นตำรวจน้ำดีติดตามมาถึงเขา ตลอดจนข้อเสนอให้เข้ามาทำงานในหน่วยงานของผู้มีอำนาจระดับสูง ภัยดำมืดจากผู้มีอำนาจส่งผลให้ พล.ต.ต.ปวีณ ตัดสินใจบินออกนอกประเทศมายังออสเตรเลีย ก่อนขอสถานะผู้ลี้ภัยจากความกังวลว่าตนตกอยู่ภายใต้ภยันตรายที่อาจหมายถึงชีวิต เป็นเวลาแล้วกว่าเกือบ 7 ปีที่ พล.ต.ต.ปวีณ ต้องใช้ชีวิตอยู่ในออสเตรเลียในสถานะผู้ลี้ภัย

“รัฐบาลหรือบุคคลที่มีอำนาจในประเทศไทย ไม่คิดจะแก้ปัญหาของประเทศ แต่มีสิ่งเดียวที่เขาคิดก็ คือการคิดที่จะกำจัดคนที่คิดแก้ปัญหาให้กับประเทศ” พล.ต.ต.ปวีณ กล่าวในงานเสวนาเมื่อวานนี้ (17 ส.ค.) “องค์กรอิระต่างๆ ต่างก็มุ่งทำงานรับใช้รัฐบาลและสิ่งที่ไม่ถูกต้องชอบธรรม ทั้งนี้ก็เพื่อผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง โดยที่ไม่สนใจประชากรทั้งประเทศเกือบ 70 ล้านคน”

“ในประเทศไทย คุณสามารถพูดได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ยกเว้นความจริง ใครนำความจริงที่เป็นผลเสียต่อรัฐบาลหรือทหารคุณจะต้องถูกกำจัด” พล.ต.ต.ปวีณระบุ “ในฐานะที่ผมเคยเป็นตำรวจมาก่อน ถามว่าผมจะทำยังไงกับสิ่งเหล่านี้ ณ เวลานี้ ผมไม่มีตำแหน่งหน้าที่ ผมไม่มีอำนาจอะไรทั้งสิ้น แต่ผมมีประสบกาณ์ในการทำงานให้แก่ประเทศมานาน และในขณะเดียวกัน ผมมีปากที่จะพูดในประเทศที่มีเสรีภาพ” พล.ต.ต.ปวีณย้ำว่า สิ่งที่ตนทำได้ในตอนนี้และตลอดไป คือการนำความจริงในประเทศไทยมาเปิดเผยให้แก่ประชาคมโลก พล.ต.ต.ปวีณ ขอให้สื่อมวลชนทั่วโลกนำเสนอสิ่งที่เกิดขึ้นในไทย

พล.ต.ต.ปวีณ เรียกร้องว่า รัฐบาลทั่วโลกจะต้องไม่ให้การสนับสนุนรัฐบาลที่ไม่มีความชอบธรรม จากข้อเท็จจริงที่ตนในครั้งนี้ “วันที่ผมเดินทางมาออนเตรเลีย เป็นวันที่ลำบากที่สุดในชีวิตครั้งหนึ่งของผม ผมสูญเสียทุกอย่างในชีวิต หน้าที่การงาน ครอบครัว” พล.ต.ต.ปวีณ กล่าวว่า ตนอยู่อย่างลำพังในออสเตรเลียมา 6 ปีแล้ว เพื่อแลกกันกับการเปิดโปงรัฐบาลเผด็จการที่มีส่วนรู้เห็นกับการค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญา

อย่างไรก็ดี พล.ต.ต.ปวีณ ระบุว่า ตนได้ขอสถานะผู้ลี้ภัยในออสเตรเลีย แม้ว่าการแสวงหาความปลอดภัยไม่ใช่เรื่องง่ายเนื่องจากขั้นตอนที่ซับซ้อนแต่สมเหตุสมผล ทั้งนี้ พล.ต.ต.ปวีณ ย้ำว่า สิทธิจากสถานะผู้ลี้ภัยที่ตนได้รับจากรัฐบาลออสเตรเลีย ช่วยให้ตนสามารถยืนได้บนลำแข้งของตน จนตนสามารถจ่ายภาษีให้แก่รัฐบาลออสเตรเลียได้อย่างภาคภูมิ พร้อมกันกับการเดินหน้าการเปิดความจริงที่เกิดขึ้นในประเทศไทย


ที่มา:

https://www.youtube.com/watch?v=kKdzHp9NQdQ