พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ระบุถึงการปรับแก้ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ให้มีผลบังคับใช้ออกไป 90 วันนับจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา ว่า เรื่องนี้เป็นการทำงานของ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) โดยส่วนตัวรับฟังความเหตุผล และเชื่อมั่นในการทำงานของ สนช.และ กรธ. และส่วนตัวไม่ก้าวล่วง และพร้อมรับฟังความเห็นทุกภาคส่วน ยืนยันว่า มีการเลือกตั้งแน่นอน ทุกอย่างยังคงเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ส่วนเรื่องของโรดแมป หากทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย โรดแมปก็ยังคงเป็นไปตามเดิม เพราะทุกคนต้องการให้ประเทศเกิดความสงบเรียบร้อย ปลอดภัย และประเทศเดินไปข้างหน้าได้

นายกรัฐมนตรี ยังย้ำว่า เรื่องนี้ขอชี้แจงเฉพาะคนไทย เพราะทุกเรื่องที่เกิดขึ้นก็มาจากปากของคนไทย จึงไม่จำเป็นต้องชี้แจงกับต่างชาติ 

ส่วนกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เสนอ ให้ปลดล็อกพรรคการเมืองแทนการขยายเวลาการบังคับใช้กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. นั้น เป็นสิ่งที่ กกต.เสนอ แต่ตนอยากให้ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ไปเตรียมงานแต่งงานของท่านก่อน ซึ่งตนขอแสดงความยินดีด้วย แม้ว่าจะไม่ได้ถูกรับเชิญไปงาน แต่หากถูกรับเชิญมาก็ไม่รู้ว่าจะได้ไปร่วมงานด้วยหรือไม่ แต่ก็คงเป็นความสุขของท่าน

ส่วนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เดินทางไปยื่นหนังสือ ต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ให้ตรวจสอบคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 53/2560 ว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ก็เป็นสิทธิที่จะยื่นได้ เพราะเป็นเรื่องของผู้ตรวจการแผ่นดินจะพิจารณา ซึ่งท้ายที่สุดจะผิดจะถูกก็ขึ้นอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัย

ด้านพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยันว่า รัฐบาลไม่สามารถปลดล็อกการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรคการเมืองตามที่นายสมชัยเสนอได้ ซึ่งถือว่าเป็นคนละมุมมอง ซึ่ง กกต.ไม่สามารถมาสั่งรัฐบาลได้ ขณะที่รัฐบาลมองว่าขณะนี้ยังไม่พร้อมที่จะปลดล็อกทางการเมือง เพราะกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งยังไม่เสร็จ แต่ยืนยันว่าจะมีการปลดล็อกแน่นอนขอให้ใจเย็น  

ส่วนการเลื่อนโรดแมปการเลือกตั้งออกไป แล้วจะส่งผลต่อการเคลื่อนไหวทางการเมืองนั้น พลเอกประวิตร ระบุว่าไม่ต้องเป็นห่วง ยืนยันว่าจะดูแลไม่ให้เกิดผลกระทบต่อทุกฝ่าย อีกทั้งกรณีนี้ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล เพราะเป็นเรื่องของ สนช. และ กรธ. เป็นผู้เสนอขึ้นมา รัฐบาลเองไม่ได้เข้าไปแทรกแซงเรื่องการจัดทำร่างกฎหมาย หรือพูดคุยกับ สนช. ทั้ง 250 คน เพราะต่างคนต่างก็มีความคิดกันเอง