ไม่พบผลการค้นหา
รัฐบาลอินเดียประกาศจะให้คนจนกว่า 500 ล้านคนเบิกค่ารักษาพยาบาลได้กว่า 240,000 บาทต่อปี และมุ่งมั่นจะเดินหน้าโครงการประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้สำเร็จ

รัฐบาลของนายนเรนทรา โมดิ นายกรัฐมนตรีอินเดียประกาศว่า กำลังวางแผนจะออกนโยบายอนุญาตให้ครอบครัวยากจน 100 ล้านครอบครัวในอินเดีย สามารถขอเบิกค่ารักษาพยาบาลฟรีได้สูงสุดถึง 7,800 ดอลลาร์ หรือราว 244,000 บาทต่อคนต่อปี ซึ่งรัฐมนตรีกระทรวงการคลังอินเดียระบุว่า วงเงินนี้เป็นวงเงินที่มากกว่าเดิมถึง 15 เท่า และจะมีชาวอินเดียได้รับประโยชน์มากถึงประมาณ 500 ล้านคน

มีการประเมินว่า เมื่อโครงการนี้มีการบังคับใช้ รัฐบาลจะต้องใช้งบประมาณกว่า 780,000 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 25 ล้านล้านบาทในการออกค่ารักษาพยาบาลให้กับผู้ป่วยจากครอบครัวยากจน โดยรัฐมนตรีกระทรวงการคลังของอินเดียยืนยันว่า แม้จะเป็นงบประมาณมหาศาล แต่รัฐบาลอินเดียเห็นความจำเป็นของการมอบการรักษาพยาบาลที่ดีมีคุณภาพ ให้กับประชาชนอย่างทั่วถึง และรัฐบาลกำลังเดินหน้าอย่างมั่นคงไปสู่เป้าหมายประกันสุขภาพถ้วนหน้า 

การเข้าถึงการรักษาพยาบาลถือเป็นปัญหาใหญ่ของอินเดีย โรงพยาบาลรัฐมีน้อยกว่า 15,000 แห่ง ไม่เพียงพอกับประชากร 1,300 ล้านคน และโรงพยาบาลรัฐส่วนใหญ่ก็มักขาดแคลนงบประมาณและเจ้าหน้าที่ โดยขณะนี้มีแพทย์ที่มีใบประกอบวิชาชีพในอินเดียเพียง 1 ล้านคนเท่านั้น 

ชาวอินเดียจำนวนมากจำเป็นต้องเข้าโรงพยาบาลเอกชนอย่างไม่มีทางเลือก ซึ่งค่ารักษาในโรงพยาบาลก็สูงมากจนบางคนจ่ายไม่ไหว เนื่องจากมีรายได้ต่อปีไม่ถึง 2,000 ดอลลาร์หรือ 63,000 บาท ส่งผลให้หลายคนต้องขายบ้าน ขายที่ดิน หรือกู้ยืมหนี้

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลอินเดียได้ทุ่มงบประมาณ 190 ล้านดอลลาร์ตั้งศูนย์อนามัยกว่า 150,000 แห่ง เพื่อให้ชาวอินเดียในชนบทสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้สะดวกขึ้น

เว็บไซต์การประชุมเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum) ระบุด้วยว่า โครงการประกันสุขภาพของอินเดียจะเป็นการทุ่มงบประมาณด้านสาธารณสุขครั้งใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งจะครอบคลุมและเป็นประโยชน์แก่ร้อยละ 40 ของประชากรอินเดียทั้งหมด