พันเอก ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เปิดเผยว่า ตามที่ได้ปรากฏข่าวในสื่อออนไลน์ข้อความกล่าวหาเจ้าหน้าที่ทหารใช้อำนาจตามมาตรา 44 เรียกรับผลประโยชน์จากผู้ประกอบการโรงแรมในจังหวัดภูเก็ต ดังที่ได้มีการแชร์เผยแพร่และแสดงความคิดเห็นเชิงลบอย่างกว้างขวางในช่วงที่ผ่านมานั้น กองทัพภาคที่ 4 / กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ขอชี้แจงเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ดังนี้

จากการตรวจสอบพบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ 27 มีนาคม 2561 ณ โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต โดย ร้อยตรี วัฒนชัย คล่องประดิษฐ์ หัวหน้าชุดรักษาความสงบเรียบร้อยกรมทหารราบที่ 25 ได้รับคำสั่ง ให้เดินทางไปประสานกับผู้บริหารโรงแรมดังกล่าวว่า พันโท สุรศักดิ์ พึ่งแย้ม คณะทำงานชุดเฉพาะกิจกองทัพภาคที่ 4 จะเดินทางมาพบ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากพนักงานของโรงแรมดังกล่าวว่าถูกกรรมการบริหารโรงแรมดังกล่าว และพวกข่มขู่และกดดันให้ออกจากการเป็นพนักงานของโรงแรม ทำให้เกิดความหวาดกลัวและรู้สึกไม่ปลอดภัย แต่กลับไม่ได้รับความร่วมมือจากกรรมการบริหารโรงแรมคนดังกล่าวและพวกแต่อย่างใด ดังปรากฏข้อความและคลิปที่ได้เผยแพร่ไปแล้ว และต่อมาพันโท สุรศักดิ์ พึ่งแย้ม ได้เดินทางมาชี้แจงรายละเอียดและเหตุผลในการขอตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยกรรมการบริหารโรงแรมแจ้งว่าขอเวลารวบรวมเอกสารหลักฐาน และจะเดินทางไปชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ในวันที่ 2 เมษายน 2561

ทั้งนี้ การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าว ดำเนินการภายใต้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายมาตรา 44 และคำสั่งที่ 13/2559 ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เนื่องจากได้รับการร้องเรียนว่าถูกข่มขู่ และคุกคามจากผู้มีอิทธิพล ทำให้เกิดความหวาดกลัวและไม่ปลอดภัย ซึ่งถือเป็นพฤติการณ์ที่เข้าข่ายกระทำความผิดอาญาที่เป็นอันตรายต่อความสงบเรียบร้อย จึงจำเป็นต้องเข้าทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามหนังสือร้องเรียน โดยปฏิบัติตามระเบียบ และขั้นตอนทุกประการพร้อมกันได้แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานโดยชอบ ด้วยกฎหมายมิได้มีการทำร้ายร่างกาย ใช้กำลังบังคับขู่เข็ญเพื่อเรียกรับสินบนหรือผลประโยชน์แต่อย่างใด

สำหรับการเผยแพร่คลิปที่ตรวจสอบแล้วพบว่ามีการตัดต่อเพียงบางส่วนพร้อมข้อความอันเป็นเท็จ นอกจากเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายแล้ว ถือเป็นการเจตนาสร้างความเสื่อมเสียให้เจ้าหน้าที่รัฐและทำลายภาพลักษณ์ของกองทัพภาคที่ 4 ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เพื่อจัดระเบียบสังคมขจัดอิทธิพล อำนาจมืด ธุรกิจผิดกฎหมาย ความไม่เป็นธรรมในสังคม ซึ่งเป็นผลมาจากความร่วมมือของพี่น้องประชาชนที่ช่วยกันแจ้งเบาะแส จนนำมาสู่การแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ส่วนบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่จงใจเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จดังที่ปรากฏ กองทัพภาคที่ 4 / กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 จะพิจารณาดำเนินการทางกฎหมายตามความเหมาะสมต่อไป

ทหารแจ้งความดำเนินคดีผู้เผยแพร่คลิปแล้ว 

ต่อมา พ.ท.สุรศักดิ์ พึ่งแย้ม รอง หัวหน้าชุดฯ ทำการแทน หัวหน้่าชุดเฉพาะกิจกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยกองทัพภาคที่ 4 นำ ร.ต.วัฒนาชัย คล่องประดิษฐ์ สังกัด ร.25 เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.อ อโณทัย จินดามณี ผกก.สภ.ป่าตอง และ พ.ต.ท.เจษฐา แสงสรีย์ รอง.ผกก.ฝ่ายสอบสวนสถานีตำรวจภูธรป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ให้ดำเนินคดีผู้ที่ปล่อยคลิปวิดีโอ เนื้อหาที่ระบุว่า เจ้าหน้าที่ทหารนอกรีดเข้าไปข่มขู่รีดไถและรับผลประโยชน์ผู้ประกอบการโรงแรมป่าตองพารากอน รีสอร์ทแอนสปา ถ.ทวีวงศ์ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ในข้อหาหมิ่นประมาทและผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ ฐานทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้เข้าไปปฏิบัติงานตามกฎหมายเสื่อมเสียชื่อเสียง และบิดเบือนข้อเท็จจริง ทำให้เสียหายต่อหน่วยงานที่สังกัดด้วย

ส่วนกรณีที่คลิปวิดีโอปรากฏภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจ สังกัด สภ.ป่าตอง 2 นาย เข้าไปร่วมเจรจาโดยทหารอ้างว่าเป็นนายตำรวจที่ทำหน้าที่คุ้มกันและดูแลเจ้าของโรงแรมรายดังกล่าวนั้น พ.ต.อ อโณทัย จินดามณี ผกก.สภ ป่าตองระบุว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการเรียกตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นายดังกล่าวมาสอบสวนหาข้อเท็จจริงว่าการเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวเป็นไปอย่างถูกต้องตามขั้นตอนและกระบวนการกฎหมายหรือไม่อย่างไรและเข้าไปทำอะไรในระหว่างนั้น ล่าสุดทราบว่า พล.ต.ต.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ภูเก็ต ได้มีคำสั่งย้ายนายตำรวจทั้ง 2 นายคือ ไปประจำที่ศูนย์อบรมตำรวจภูธรภาค 8 จ.สุราษฎร์ธานีตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เพื่อสะดวกต่อการสอบสวนและไม่ยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานใด และเพื่อให้การสอบสวนเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมทั้ง 2 ฝ่าย และตั้งคณะกรรมการสอบสวนนายตำรวจทั้ง 2 นายแล้ว 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

-'แม่ทัพภาค 4' สั่งทหารฟ้อง 'ผู้บริหารโรงแรมดังภูเก็ต' หลังปล่อยคลิปทำเสียหาย