ไม่พบผลการค้นหา
'สุรชาติ' แถลงขอบคุณทุกคะแนนเสียง ขอ ‘ก้าวไกล’ ถือเป็นชัยชนะร่วมกัน 'พิธา' ปลื้ม 'ก้าวไกล' ได้เสียงมากขึ้นจากเดิม ด้าน 'เพชร-กรุณพล' ยันเส้นทางจากนี้คือการทำงาน 'อรรถวิชช์-กรณ์' พรรคกล้าแถลง ชี้ประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลงชัดเจน

30 ม.ค. 2565 เวลาประมาณ 20.45 น. ประธานกรรมการการเลือกตั้ง ประจำเขตเลือกตั้งที่ 9 กทม. ประกาศผลคะแนนการเลือกตั้งทั้ง 280 หน่วยอย่างไม่เป็นทางการ หลังจากนับคะแนนครบ 100%

ผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการทั้งหมดมีดังนี้

อันดับ 1 สุรชาติ เทียนทอง พรรคเพื่อไทย ได้รับ 29,416 คะแนน

อันดับ 2 กรุณพล เทียนสุวรรณ พรรคก้าวไกล ได้ 20,361 คะแนน

อันดับ 3 อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี พรรคกล้า ได้ 20,047 คะแนน

อันดับ 4 สรัลรัศมิ์ เจนจาคะ พรรคพลังประชารัฐ 7,906 คะแนน

อันดับ 5 พันธุ์เทพ ฉัตรนะรัชต์ พรรคไทยภักดี 5,987 คะแนน

อันดับ 6 เจริญ ชัยสิทธิ์ พรรคครูไทยเพื่อประชาชน 333 คะแนน

อันดับ 7 รุ่งโรจน์ อิบรอฮีมพรรคไทยศรีวิไลย์ 244 คะแนน

อันดับ 8 กุลรัตน์ กลิ่นดี พรรคยุทธศาสตร์ชาติ 190 คะแนน

สำหรับผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งในครั้งนี้ คิดเป็น 52.68% เท่านั้น เปรียบเทียบกับการเลือกตั้งครั้งก่อนในปี 2562 ประชาชนในเขตเลือกตั้งที่ 9 กทม.มาใช้สิทธิมากถึง 74.54%


สุรชาติ เทียนทอง แถลงขอบคุณทุกคะแนนเสียง ขอ ‘ก้าวไกล’ ถือเป็นชัยชนะร่วมกัน

สุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัคร ส.ส. ที่ได้รับคะแนนเป็นอันดับที่ 1 ในการเลือกตั้ง ส.ส. กรุงเทพฯ เขต 9 แถลงขอขอบคุณประชาชนในเขตจตุจักรและหลักสี่ที่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งนี้ และขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่ให้โอกาสได้ทำหน้าที่ผู้แทนราษฎร พร้อมขอบคุณพรรคเพื่อไทยที่ให้โอกาสตนในการลงเลือกตั้งครั้งนี้

“การได้เสนอตัวให้เป็นตัวเลือกของประชาชนท่ามกลางผู้สมัครที่มีคุณภาพจากหลายพรรคการเมืองผมถือว่ามันเป็นเกียรติของผมมาก”

สุรชาติ ก้าวต่อถึงคู่แข่งจากพรรคก้าวไกลคือ การุณพล เทียนสุวรรณ ว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาได้เห็นน้ำใจไมตรีกันมาโดยตลอด และขอให้ชัยชนะของตนในครั้งนี้ถือว่าเป็นชัยชนะร่วมกัน ส่วนอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ผู้สมัครจากพรรคกล้า ก็เริ่มต้นชีวิตทางการเมืองมาพร้อมๆ กัน และเป็นคนที่มีความสามารถในทุกๆด้าน และเป็นคนคนหนึ่งที่มีความเหมาะสมกับคำว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ส่วนสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ และผู้สมัครจากทุกพรรคก็ต้องขอขอบคุณ เพราะตลอดช่วงเวลาที่ได้ออกไปหาเสียงกันนั้น ได้ร่วมกันทำการเมืองสร้างสรรค์ที่สุดเท่าที่จะทำได้

“ผมมุ่งมั่นตั้งใจนะครับ ต่อให้มันจะเป็นเพียงหนึ่งวัน หนึ่งเดือน หรือจะหนึ่งปีที่ผมได้มีโอกาสได้ดำรงตำแหน่งผู้แทนราษฎรของประชาชน ผมจะทำทุกวันให้มีคุณค่า ให้สมกับที่พี่ป้าน้าอา พี่น้องประชาชนไปให้ความไว้วางใจให้กับผม และผมขอเรียนนะครับว่า ผมจะเป็นผู้แทนราษฎรของคนทุกคน ทั้งคนที่เลือกผม และคนที่ไม่ได้เลือกผม ผมจะรับใช้ทุกคนอย่างเท่าเทียม และทั่วถึงอย่างสุดกำลังความสามารถทั้งในสภาและนอกสภา”


‘พท.’ ประกาศชัยชนะเลือกตั้งซ่อม เขต 9 กทม. ‘ชลน่าน’ ยืนยันนี่คือบันไดก้าวแรกของฝ่าย ปชต.

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงหลังทราบผลการเลือกตั้งซ่อม กทม. เขต 9 อย่างไม่เป็นทางการระบุว่า ต้องขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่มอบความไว้วางใจให้กับผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย โดยผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการในวันนี้ ถือเป็นผลคะแนนที่บ่งชี้ทิศทางทางการเมืองหลายเรื่อง

เขาย้ำว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เห็นว่า พี่น้องประชาชนนั้นให้ความไว้วางใจกับพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย แม้การเลือกตั้งครั้งนี้มีพรรคการเมืองลงเลือกตั้งทั้งหมด 8 พรรค แต่ผลเลือกตั้งบ่งชี้ชัดเจนว่าประชาชนเลือกฝ่ายประชาธิปไตยคือพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล โดยฝ่ายประชาธิปไตยได้คะแนนเสียงรวมกันมากกว่าร้อยละ 60 ของผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง

“มันเป็นบันไดก้าวแรกของฝ่ายประชาธิปไตยที่แสดงออกในเชิงสัญลักษณ์ผ่านการเลือกตั้ง ว่าเขาต้องการที่จะขับไล่เผด็จการในคราบของผู้สืบทอดอำนาจ เพื่อให้ชีวิตของเขาได้รับโอกาส ได้รับความหวัง และมีอนาคตที่ดีขึ้นผ่านการเลือกตั้ง”

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อถึงสุรชาติ เทียนทอง ผู้ชนะการเลือกตั้งว่า เป็นผู้สมัครที่พรรคเพื่อไทยรู้สึกภูมิใจและมีความมั่นใจมากว่าจะได้รับการเลือกตั้ง เพราะเป็นคนที่ทุ่มเททำงานในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง มั่นคง ด้วยหัวใจที่ไม่เปลี่ยนแปลง

นอกจากนี้เขาย้ำกล่าวถึงปัจจัยที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่ทำให้พรรคเพื่อไทยได้รับชัยชนะ คือการทำงานของผู้บริหารประเทศที่เต็มไปด้วยความล้มเหลว จนเกิดวิกฤติ เกิดความทุกข์ยากลำบากแก่ประชาชน


'พิธา' ปลื้ม 'ก้าวไกล' ได้เสียงมากขึ้นจากเดิม ด้าน 'เพชร-กรุณพล' ยันเส้นทางจากนี้คือการทำงาน

ที่พรรคก้าวไกล พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงข่าวว่า ขอบคุณทุกเสียง และทีมงานทุกคน แม้วันนี้จะไม่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. กทม. เขต 9 แต่ผลคะเเนนที่ออกมาถือว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจเพราะ ในการเลือกตั้งครั้งนี้พรรคก้าวไกลได้รับคะแนนเสียง มากกว่าตอนเป็นพรรคอนาคตใหม่ และที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลเป็นพรรคเดียวที่พูดเรื่องการปฏิรูปกองทัพ อาจจะเรียกว่านโยบายปฏิรูปกองทัพได้รับการตอบรับมากยิ่งขึ้น

พิธา กล่าวด้วยว่า พรรคก้าวไกลยังไม่ได้สมบูรณ์แบบ ยังมีจุดที่ต้องปรับปรุงอีกมากเพื่อเตรียมตัวเขาสู่การเลือกตั้งใหญ่เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ และต้องพิสูจน์ให้ประชาชนได้เห็น

ด้านกรุณพล เทียนสุวรรณ กล่าวแสดงความยินดีกับสุรชาติ เทียนทอง พร้อมระบุว่าเป็นคนตั้งใจทำงานมากจากที่ได้เจอกันระหว่างหาเสียง และเป็นคนที่ลงพื้นที่ตลอด พร้อมทั้งดีใจแทนประชาชนในพื้นที่ที่ได้ผู้แทนเป็น สุรชาติ

นอกจากนี้เขายังขอบคุณประชาชนชาวจตุจักร หลักสี่ ที่มอบคะแนนให้ และทำให้ตนเองได้ซึมซับปัญหาต่างๆ และอยากจะเข้าไปดูแลแก้ไขปัญหา หลังจากนี้จะได้ออกไปขอบคุณทุกคะแนนเสียง และลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และในการเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้าจะได้เห็น เพชร กรุณพล เทียนสุวรรณ เป็น ส.ส.กรุงเทพมหานคร แน่นอน


อรรถวิชช์-กรณ์ พรรคกล้าแถลง ชี้ประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลงชัดเจน

ที่ทำการพรรคกล้า นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า แถลงข่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับคุณสุรชาติ เทียนทอง จากพรรคเพื่อไทย หวังว่าจะเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ได้ตามความคาดหวังของประชาชนที่เลือกเข้าไป ในฐานะหัวหน้าพรรคขอขอบคุณจากใจกับทุกคะแนนที่มอบให้คุณอรรถวิชช์ และขอบคุณทีมงาน สมาชิก และผู้สนับสนุนทุกคน เพราะเราทุ่มเทกันสุดตัว แม้เราจะผิดหวังเพราะไม่ชนะเข้าไปทำหน้าที่ในสภา แต่พรรคเราเป็นพรรคใหม่ เป็นพรรคสตาร์ทอัพ "รุกแรงทุกครั้ง รุกเร็วทุกครั้ง เรียนรู้แล้วปรับตัว" ครั้งนี้ก็เช่นกันเรามีบทเรียนและประสบการณ์ อย่างไรก็ตาม เรามีกำลังใจว่ามาถูกทางในการนำเสนอการเมืองคุณภาพ ทั้ง 3 พรรคการเมืองที่ได้คะแนนนำล้วนมีแนวทางที่ต่างจากรัฐบาลทั้งสิ้น

"ชัดเจนว่า ผลจากการเลือกตั้งครั้งนี้คืออะไร ประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลง การเลือกตั้งในสนามใหญ่ที่จะเกิดขึ้นข้างหน้าเราต้องเห็นการเปลี่ยนแปลงแน่นอน" กรณ์กล่าว

อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี กล่าวว่า ขอกราบขอบพระคุณทุกคะแนนเสียงที่มอบให้ อย่างไรก็ตาม ข่าวดีสำหรับพรรคกล้าคือ ฐานเสียงเดิมในเขตจตุจักรเรามาเป็นที่ 1 ส่วนคุณสุรชาติเป็นแชมป์เก่าในเขตหลักสี่ก็ชนะในเขตนั้น และคะแนนเป็นทางการตอนนี้ยังไม่ได้สรุปว่าพรรคกล้าเป็นที่ 2 หรือที่ 3 แต่พรรคกล้ามีคะแนนเทียบเท่าพรรคก้าวไกลซึ่งมี ส.ส.ในสภา 50 คนแล้ว วันนี้เราเห็นชัดเจนเลยว่า การเมืองใหม่เกิดขึ้นแล้วในกรุงเทพฯ เลือกตั้งเที่ยวหน้าการเมืองคุณภาพจะเป็นเทรนด์ที่พรรคต้องเดินทางไปในแนวนี้ ทั้งนี้ สัดส่วนประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิในเขตจตุจักรค่อนข้างต่ำกว่าเขตหลักสี่อย่างมาก คือ ไม่ถึง 40% เพราะมีการเปลี่ยแปลงเขตเลือกตั้งตั้งแต่คราวที่แล้วที่แบ่งเขตพิศดาร และอาจมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนไม่เพียงพอ