ไม่พบผลการค้นหา
'ชัชชาติ' ประชุมผู้บริหาร กทม.นัดแรก ยืนยันไม่กังวลการใช้งบประมาณปี 2565 พร้อมให้การบ้านทุกสำนักงานเขตสำรวจ จุดอ่อนที่มีโอกาสทำให้เกิดการทุจริต พร้อมกลับมารายงานภายในหนึ่งสัปดาห์

ชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 7/2565 ณ ห้องประชุม ชั้น 35 อาคารธานีนพรัตน์ ศาลาว่าการ กทม.(ดินแดง)

โดยระบุว่า วันนี้มีการหารือกันใน 4 เรื่องหลัก เรื่องแรกเป็นเรื่องของสถานการณ์โควิด-19 และเรื่องการถอดหน้ากากอนามัย ที่ตอนนี้พบว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงไปมาก รวมถึงอัตราการครองเตียงก็ลดลงและยังมีเตียงว่างอีกมาก แต่อย่างไรก็ตามต้องรอประชุม ศบค.อีกครั้ง แต่ในใจก็คิดว่าถึงเวลาแล้ว ทั้งนี้ต้องคุยกับกระทรวงสาธารณสุขอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งการตัดสินใจต้องรอ ศบค.เป็นหลัก

รวมถึงมีการหารือเรื่องฝีดาษลิงซึ่งเป็นโรคติดต่อ แต่ก็ยังไม่มีตัวเลขในประเทศไทย และเมื่อวานที่มีการจัดกิจกรรมไพรด์ที่มีคนมากันเยอะอาจจะมีข้อกังวลเรื่องโรคระบาดฝีดาษลิง แต่วันนี้ก็ยังไม่มีตัวเลขรายงานในประเทศไทย และการติดต่อก็คนละรูปแบบกับโควิด ดังนั้นจึงให้ดำเนินมาตรการอย่างเข้มข้นต่อไป เพราะยังเป็นข้อกังวล

ส่วนข้อกังวลเรื่องกิจกรรมในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ผ่านมา ผู้ว่าฯ กทม.ย้ำว่า ได้ให้ ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม.ดูตัวเลขอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทุกคนป้องกันตนเองและระมัดระวังเป็นอย่างดี

ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงความห่วงใยเรื่องการจัดกิจกรรมของ กทม.ในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา อาจเกิดคลัสเตอร์ได้ ชัชชาติ บอกว่าต้องขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่แสดงความเป็นห่วง ทั้งนี้ก็คงต้องติดตามสถานการณ์และต้องเก็บข้อมูลต่อเนื่อง โดยกำชับให้ดูข้อมูลและได้มอบหมายให้ ทวิดา รองผู้ว่าฯ กทม.ที่ดูแลเรื่องสาธารณสุข ดูตัวเลขว่าจะมีเพิ่มขึ้นหรือไม่ โดยตนเองมองว่าเป็นก้าวที่ค่อยๆ เข้าสู่ชีวิตปกติ และทุกคนที่มาก็ใส่หน้ากาก มีมาตรการ ซึ่งก็ต้องค่อยดูตัวเลขว่ามีผลกระทบอย่างไร เพราะที่ผ่านมาก็ไม่ได้เห็นคลัสเตอร์อะไรมากแต่ก็มอนิเตอร์อย่างเข้มข้น และก็พร้อมรับข้อเป็นห่วงของทุกฝ่ายเพื่อนำมาติดตามสถานการณ์

สำหรับวาระที่สองของการประชุมเป็นเรื่องงบประมาณ ชัชชาติ กล่าวว่า ใกล้จะเปิดสภากรุงเทพมหานครเป็นทางการ ฉะนั้นงบประมาณประจำปี 2566 จะต้องรีบทำให้เสร็จภายในสัปดาห์หน้าเพื่อส่งเข้าสภาฯ พิจารณา ซึ่งบางส่วนได้จัดทำไว้เรียบร้อยแล้ว จากนี้เป็นขั้นตอนของการปรับประยุกต์ให้เข้ากับยุทธศาสตร์ของคณะและมีการพิจารณาถึงงบประมาณปี 2565 ที่เหลืออยู่ด้วย

วาระที่สามของการประชุมคือเรื่องของยุทธศาสตร์ จากนี้ต้องมีการประเมินว่าแผนที่นำเสนอไปทั้ง 214 แผนจะสามารถปฏิบัติเลยได้หรือไม่ ซึ่งสำนักยุทธศาสตร์ได้วิเคราะห์แล้วแผนทาง 214 ข้อ ค่อนข้างสอดคล้องกับนโยบายเดิมที่กรุงเทพมหานครมีอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องลงรายละเอียดให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

ชัชชาติ กล่าวอีกว่าส่วนนี้ไม่ได้มีข้อกังวลอะไรเพราะเป็นเรื่องที่สามารถดำเนินการได้เลย ในส่วนที่มีงบประมาณอยู่แล้วก็สามารถดึงมาใช้ได้เลย เพราะมีข้อมูลว่าหลายโครงการมีความสอดคล้อง ส่วนโครงการไหนที่ไม่ได้เตรียมงบประมาณไว้ก็อาจจะต้องนำไปใส่ในส่วนของงบประมาณปี 2566 แต่ส่วนไหนที่เริ่มได้ก็จะทำเลย เช่นปัจจุบันนี้มีนโยบายเรื่อง zero based budgeting หรือการทำงบประมาณจากศูนย์ ซึ่งเป็นการศึกษาประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบประมาณ

โดยในการประชุมวันนี้ได้เชิญอาจารย์วิลาสินี วงศ์แก้ว จากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาถ่ายทอดความรู้เพื่อให้คณะผู้บริหารมีความเข้าใจตรงกัน ฉะนั้นสัปดาห์นี้เป็นการมุ่งเน้นไปที่เรื่องการจัดการงบประมาณ

ส่วนอีกประเด็นที่มีการพูดคุยกันในที่ประชุมคือเรื่องการต่อต้านคอรัปชั่น โดยให้การบ้านผู้บริหารแต่ละเขตทุกสำนักไปสำรวจว่าหน่วยงานของตัวเองมีจุดอ่อนหรือช่องโหว่ใดตรงไหนที่ทำให้เกิดการทุจริตได้บ้าง และอีกหนึ่งสัปดาห์ให้กลับมานั่งคุยกันเพื่อปรับจูนให้เข้ากับแนวคิดขององค์การต่อต้านคอร์รัปชั่น

ส่วนประเด็นสุดท้ายเป็นการหารือเรื่องการบำบัดน้ำเสีย นายชัชชาติระบุว่ามีนโยบายที่จะทำจุดบำบัดน้ำเสียในชุมชนให้มากขึ้น โดยจะเน้นการสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียในชุมชน เพราะจากการลงพื้นที่พบว่าหลายชุมชนมีการเทน้ำเสียลงในแม่น้ำลำคลอง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดน้ำเสีย และเน้นการสร้างแบบเส้นเลือดฝอย เพราะการสร้างบ่อบำบัดขนาดใหญ่อาจต้องใช้เวลามากถึง 10 ปี เบื้องต้นให้แต่ละเขตไปทำแผนมาว่าจะสามารถทำบ่อบำบัดน้ำเสียในจุดใดได้บ้าง