ไม่พบผลการค้นหา
‘ชัชชาติ’ ย้ำ กทม. พร้อมดูแลประชาชนตลอดช่วงปีใหม่ ตั้งศูนย์อำนวยความสะดวก 11 จุด เข้มงวดมาตรการเฝ้าระวังอัคคีภัย-คนแออัด ร่วมรณรงค์ “ดื่มไม่ขับ” ขอให้ฉลองอย่างมีสติ-ปลอดภัย รับปีงูใหญ่

วันที่ 28 ธ.ค. ที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ภายหลังคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ และพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 99 รูป เนื่องในวันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช 28 ธันวาคมของทุกปี ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการดูแลประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่

ชัชชาติ กล่าวว่า สำหรับ 7 วันอันตราย ช่วงปีใหม่ เรื่องการเดินทาง ปัญหาส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดในกรุงเทพ แต่จะเกิดขึ้นด้านนอก ดังนั้น เราจึงมีการตั้งศูนย์อำนวยความสะดวกสำหรับผู้ที่เดินทางออกต่างจังหวัดนอก กทม. เข้าใจว่ามีอยู่ 11 ศูนย์ ตามถนนสายหลัก เพื่อให้ประชาชนมีความพร้อม รวมถึงมีการดูแลด้านการจราจรและอื่นๆ

ส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะนโยบายหนึ่งที่ กทม. พยายามรณรงค์ คือ “ดื่มไม่ขับ” ไม่ใช่เมาไม่ขับ หมายความว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่ดื่มแล้ว ก็อย่าขับรถเลย ขอให้ไปสนุกกันที่บ้าน โดยที่ระหว่างทางก็ขอให้เดินทางอย่างปลอดภัย ถือว่า กทม. เป็นผู้ส่งคนออกไป โดยเรามีความพร้อมในการตั้งศูนย์อำนวยความสะดวกให้กับผู้เดินทาง 

ส่วน 3 เรื่องหลักที่ต้องเฝ้าระวัง คือ 1. มาตรการรักษาความปลอดภัยและรับมือเหตุอัคคีภัยภายในสถานบริการต่างๆ รวมถึงมาตรการกำกับดูแลปริมาณคนเข้า-ออกในพื้นที่ต่างๆ เพื่อลดความหนาแน่น 2. การเกิดอัคคีภัยในบ้านเรือน เพราะช่วงที่คนไม่อยู่บ้าน แล้วอากาศแห้ง ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดอัคคีภัยได้ จึงต้องกระตุ้นให้ชุมชนระมัดระวังเรื่องนี้ คอยช่วยกันเฝ้าระวังเหตุ โดยจะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจตรา 3. อุบัติเหตุจากกรณีคนเมาสุราแล้วขับ เพราะคนจำนวนมากก็ยังอยู่ในกรุงเทพ จึงต้องมีการกวดขันเข้มงวดมากยิ่งขึ้น 

ทั้งนี้ กทม.ตั้งเป้าที่จะทำให้ยอดอุบัติเหตุลดน้อยลงกว่าปีที่แล้วให้ได้ ความจริงอยากให้เป็นศูนย์เลยด้วยซ้ำ แต่คงยาก แต่อยากให้ลดลงเพื่อให้มีตัวเลขเปรียบเทียบกันตลอดทั้งปี ไม่ใช่แค่เฉพาะช่วงปีใหม่ เชื่อว่าสิ่งที่ทำตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เช่น การปรับปรุงทางข้าม ไฟส่องสว่างต่างๆ น่าจะทำให้ตัวเลขดีขึ้น

พร้อมฝากถึงประชาชนด้วยว่า อยากให้ดูแลตัวเองให้ดี ขอให้ฉลองกันอย่างมีความสุข ไม่ใช่ความเศร้า ต้องมีสติ ดูแลคนรอบข้าง ดื่มแล้วไม่ขับ ไปด้วยความระมัดระวัง เดินทางกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย และกลับมาเริ่มต้นปีงูใหญ่กันด้วยความแข็งแรงและความพร้อม


กทม. คว้าอันดับ 1 เมืองที่มีผู้มาเยือนมากสุดในโลก เป็นเครื่องเตือนใจให้ปรับปรุงจุดอ่อน

ชัชชาติ กล่าวถึงกรณี กรุงเทพ ได้รับการจัดอันดับโดยเว็บไซต์ทีองเที่ยว Travelness ให้เป็นเมืองที่มีผู้มาเยือนมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของโลก ในปี 2566 แซงหน้ากรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส 

ชัชชาติ กล่าวว่า ตัวเลขนี้ เป็นตัวเลขที่เตือนใจว่า เราต้องทำงานให้ดีขึ้น เชื่อว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่มากขึ้น อาจเพราะบางคนมากรุงเทพเป็นครั้งแรก สิ่งสำคัญ คือ ทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวเหล่านั้นกลับมาอีก อย่ามัวแต่ดีใจกับตัวเลข ต้องไปปรับปรุงด้วยว่าเรายังมีจุดอ่อนตรงไหน

โดยยกตัวอย่างกรณีที่นักท่องเที่ยวบ่นจำนวนมาก คือ การขนส่งที่ยังมีการหลอกนักท่องเที่ยว หรือไกด์ผี ดังนั้น ตัวเลขนี้ไม่ใช่ตัวเลขที่ดีใจ แต่เตือนใจให้เราต้องทำให้ดีขึ้น เพราะเคยมีคำพูดที่บอกว่า “ความประทับใจหนแรก ไม่มีโอกาสครั้งที่สอง” หรือ No second chance for first impression ถ้านักท่องเที่ยว 23 ล้านคน ส่วนหนึ่งมาหนแรก แล้วไม่ประทับใจ เขาก็จะไม่กลับมาอีก 

ดังนั้น เราจึงต้องมุ่งหน้าพัฒนาให้มากขึ้น เพราะการท่องเที่ยวเป็นกิจกรรมที่ก่อให้เกิดเศรษฐกิจลึกลงไปถึงรากหญ้า หากทำตรงนี้ได้ก็จะเกิดเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ยิ่งเศรษฐกิจทั่วโลกถดถอยลง เพราะฉะนั้น การท่องเที่ยวก็จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ ตัวเลขนี้จะยิ่งทำให้เราทำงานหนักขึ้น เพื่อดูแลประชาชนและนักท่องเที่ยว