ไม่พบผลการค้นหา
สอท. เปิดนโยบาย ‘4 โซลาร์’ ชูความมั่นคงทางพลังงาน ลดรายจ่ายให้ปชช. ‘อุตตม-สนธิรัตน์-สันติ’ เห็นพ้องปัญหาค่าไฟแพงเพราะสัญญาโรงไฟฟ้า แนะรัฐหาแหล่งพลังงานราคาถูก กางรายได้ ‘ปตท.’ ได้กำไรจากโรงกลั่นกว่า 7 หมื่นล้าน

วันที่ 22 ก.ย. 2565 ที่พรรคสร้างอนาคตไทย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค และสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค พร้อมด้วยสันติ กีระนันท์ เหรัญญิกพรรค แถลงข่าว ‘ชำแหละประเด็น ค่าไฟแพง แก๊สแพง ใครทำร้ายประชาชน’ โดยช่วงต้นระบุว่า ประเทศไทยเผชิญกับปัญหาค่าครองชีพสูงอย่างเช่นในขณะนี้เป็นผลมาจากราคาพลังงานที่พุ่งสูงในปัจจุบัน 

สนธิรัตน์ กล่าวว่า วันนี้ประชาชนทุกคนต้องแบกรับกับภาระค่าไฟฟ้า อันเนื่องมาจากค่า FT และค่าก๊าซปรับตัวขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ประเทศไทยมีปริมาณการใช้เชื้อเพลิงทั้งหมด คิดเป็นก๊าซธรรมชาติไปแล้ว 54.8% จึงทำให้ต้นทุนไฟฟ้าสูงเกินกว่าที่จะรับไหว อีกทั้งกำลังผลิตไฟฟ้าส่วนใหญ่ก็เป็นของบริษัทเอกชน สะท้อนให้เห็นว่าความมั่นคงทางพลังงานของรัฐถูกเปลี่ยนผ่านไปสู่เอกชน ดังนั้นการที่เอกชนมีพันธสัญญาผูกพันกับโรงไฟฟ้าทั่วประเทศ จึงทำให้รัฐบาลต้องจ่ายเงินส่วนเกินจากการผลิตไฟฟ้า

สนธิรัตน์ กล่าวอีกว่า ส่วนการใช้ก๊าซที่สามารถผลิตในพื้นที่อ่าวไทยได้นั้น ขณะนี้จำนวนที่สามารถผลิตได้ก็ลดลงตามลำดับ เพราะเกิดปัญหามาจากการเปลี่ยนผ่านสัมปทาน ทำให้ก๊าซธรรมชาติมีไม่เพียงพอ และต้องนำเข้าก๊าซ LNG จากประเทศเพื่อบ้านเพิ่มมากขึ้น ซึ่งถือว่า มีราคาค่อนข้างสูงเมื่อพิจารณาจากราคาตลาดโลก จึงไปกระทบต่อราคาพลังงาน 

สนธิรัตน์ เสริมว่า เนื่องจากประเทศไทยไม่มีพลังงานเป็นของตัวเอง ดังนั้นเมื่อเกิดวิกฤติการณ์ขึ้นมา รัฐบาลก็ควรจะจัดหาพลังงานราคาถูก และนำราคาต้นทุนจริงมาคำนวณ ไม่ใช่ราคาอ้างอิงจากประเทศสิงคโปร์ หรือประเทศซาอุดีอาระเบีย เพื่อให้สามารถควบคุมผลกระทบของประชาชนได้ 

ทั้งนี้ สนธิรัตน์ ยังได้เปิดเผยถึงนโยบายพลังงาน ‘4 โซลาร์’ ได้แก่ 

  • โซลาร์รูฟท็อป สร้างรายได้ ลดรายจ่ายให้ประชาชน
  • โซลาร์ฟาร์มบนมิติโรงไฟฟ้าชุมชน ผสมผสานโซลาร์ฟาร์ม 
  • โซลาร์สูบน้ำบาดาลทั่วประเทศ มีน้ำทำการเกษตรด้วยแสงอาทิตย์ 
  • โซลาร์ลอยน้ำ เพิ่มพลังงานให้เป็นของรัฐ คืนพลังงานความมั่นคงให้เป็นของรัฐ 

นอกจากนี้ อุตตม ยังกล่าวว่า นโยบายพลังงานของพรรคสร้างอนาคตไทยจะสามารถตอบโจทย์พี่น้องประชาชนในสภาวะปัจจุบันได้ทั้งระยะสั้น และระยะยาว เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้สามารถขับเคลื่อนประเทศต่อไป พร้อมย้ำว่าเรื่องของพลังงานต้องมาดูกันอย่างจริงจัง เนื่องจากถือเป็นต้นทุนหลักที่เกี่ยวโยงกับหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะภาวะเงินเฟ้อ ดังนั้นภาครัฐจึงต้องกำหนดนโยบายให้สอดคล้องกับสถานการณ์อย่างเท่าทัน และร่วมมือกันแก้ไขกับภาคประชาชน อย่างไรก็ตามส่วนตัวมองว่าปัญหาพลังงานเกี่ยวเนื่องกับการเมืองอยู่แล้วโดยพื้นฐาน แต่เพื่อประโยชน์การเลือกตั้งหรือนั้น ตนไม่อาจจะตอบแทนได้ ประชาชนจึงควรใช้โอกาสนี้ในการตัดสินใจให้ดีที่สุด

ขณะที่ สันติ ได้กล่าวถึง บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบทบาทความมั่นคงทางพลังงานของไทยว่า ในครึ่งปีแรกโรงกลั่น 6 โรง สามารถทำกำไรไปแล้วกว่า 76,715 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวมกันเกือบ 2,000,000 ล้านบาท ขณะที่โรงกลั่น 3 ใน 6 โรงนี้มี ปตท. ถือหุ้นอยู่ ได้แก่ PTTGC (45.18%) TOP (45.03%) และ IRPC (45.05%) 

ซึ่งในโรงกลั่น 3 โรงนี้สามารถทำกำไรถึง 72,000 ล้านบาท และกระทรวงการคลังถือหุ้น ปตท. ถึง 51.1% ดังนั้น โรงกลั่น 3 โรงสามารถเป็น Market Leader ได้ และโครงสร้างกรรมการ ปตท. มีตัวแทนจากกระทรวงการคลังไปนั่งอยู่ ถ้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ แต่ไม่สามารถกำหนดนโยบายเพื่อประชาชนได้จะถือหุ้นใหญ่ไปทำไม