วันที่ 29 เม.ย. 2566 ที่พรรคประชาธิปัตย์  ทีมโฆษกศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ ได้แถลงถึงสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงในช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือกตั้ง ทั้งเรื่องการทำลายป้ายหาเสียงของผู้สมัคร และการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ ทำลายจุดยืนและความน่าเชื่อถือของพรรค โดยเฉพาะประเด็นมาตรา 112 

โดยจิตกร บุษบา กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์มีจุดยืนแน่วแน่ในการสนับสนุนการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ได้ประกาศอย่างชัดเจน และตอกย้ำในทุกเวทีว่า พรรคยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหาษัตริย์เป็นประมุข และจะทำให้เข้มแข็ง ยั่งยืนสืบไป โดยไม่ยกเลิกกฎหมายอาญา มาตรา 112 

“ตลอด 77 ปีของพรรคประชาธิปัตย์ เทิดทูนและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นสถาบันหลักของชาติ แนวทางการหาเสียงจึงเลือกวิธีที่จะไม่ก่อผลกระทบและความขัดแย้งขึ้นในชาติ มุ่งสร้างสังคม ไม่มุ่งสร้างสงคราม เพื่อให้ตัวเองมีคะแนนนิยม โดยไม่ระวังการก่อผลกระทบหรือสร้างสายล่อฟ้าให้เกิดขึ้น จนสถาบันสำคัญบอบช้ำโดยที่เกิดจากการสวมบทผู้ปกป้องแต่เพียงหนึ่งเดียว หรือการแสดงตัวว่าจะไล่รื้อ บั่นทอน หรือทำให้หย่อนความเคารพเทิดทูนก็ตาม” จิตกรกล่าว 

นอกจากนี้ยังกล่าวด้วยว่า พรรคประชาธิปัตย์ จะไม่หาประโยชน์จากหน้าที่ปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อันเป็นพันธกิจสำคัญของพรรคการเมืองภายใต้รัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคการเมืองทุกพรรคต้องทำ และนำพรรคเข้าสู่การแข่งขันด้วยการเชิญชวนประชาชนพิจารณาคุณสมบัติของผู้สมัคร และคณะบุคคลในระบบบัญชีรายชื่อ ว่ามีความใส่ใจต่อปัญหาและโอกาสของประเทศชาติ ของประชาชนอย่างแท้จริง มีสำนึกความเป็นตัวแทน ที่จะใช้กลไกสภาเป็นปากเป็นเสียงให้แก่ราษฎรทุกหมู่เหล่า ป้องกันความสุดโต่งสุดขั้ว ขัดขวางและตรวจสอบการโกง การทุจริตคอร์รัปชั่น และการให้ร้าย การแก้หรือออกกฎหมายที่เปิดทางให้บ่อนทำลายสถาบันหลักของชาติอย่างเต็มกำลัง 

ส่วนประเด็นที่มีหลายสื่อให้ความสนใจว่าพรรคประชาธิปัตย์จะจับมือกับใครตั้งรัฐบาลนั้น จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรค ย้ำเสมอว่า จะต้องเคารพเสียงประชาชน และฟังเสียงประชาชนก่อน ซึ่งจุรินทร์ ถือว่าเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติ และมีศักยภาพที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยประสบการณ์ทางการเมือง ทั้งจากการเป็นรัฐมนตรีมาหลายกระทรวง และรองนายกรัฐมนตรีในปัจจุบัน หากประชาชนสนับสนุนให้พรรคประชาธิปัตย์ เบอร์ 26 ให้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พรรคก็มีความพร้อม 

นอกจากนี้ พรรคประชาธิปัตย์พร้อมทำทุกหน้าที่อย่างสุจริตและสุดความสามารถ ในทุกบทบาท ไม่ว่าจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เป็นพรรคร่วมรัฐบาล หรือเป็นฝ่ายตรวจสอบการทำงาน ดังที่ชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรค และอดีตประธานรัฐสภา ก่อนหน้านี้ว่าการจับมือตั้งรัฐบาลนั้น ขอให้มีมติจากประชาชนชัดเจนเสียก่อน แต่หลักการสำคัญคือ รัฐบาลต้องเป็นเสียงข้างมาก บริหารประเทศได้ มีความซื่อสัตย์สุจริต และไม่เป็นภัยต่อสถาบันหลักของประเทศชาติ ดีที่สุดคือ ขอให้ประชาชนเทคะแนนให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้  

“การปล่อยข่าวในแพลตฟอร์มออนไลน์ที่นอกเหนือไปจากที่จุรินทร์ หัวหน้าพรรค ชวน อดีตหัวหน้าพรรค รวมถึงแกนนำของพรรคคนอื่นๆ ที่แตกต่างไปจากนี้ถือว่าเป็นการให้ความเท็จ มุ่งใส่ร้ายพรรค โดยพรรคประชาธิปัตย์ยังยืนยันในจุดยืนที่มุ่งทำการเมืองด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่แก้ไขมาตรา 112 ไม่เอายาเสพติด และไม่ทุจริตคอร์รัปชั่น” จิตกรกล่าวในที่สุด