ไม่พบผลการค้นหา
'สว.สมชาย' ปราม 'เศรษฐา' อย่าใจด่วนเร็วแต่งตั้ง 'ทักษิณ' เป็นที่ปรึกษานายกฯ หลังพ้นโทษ ควรคำนึงถึงหลักนิติธรรม เร่งนิรโทษกรรมคดีการเมืองสร้างสมานฉันท์ ชมนายกฯ ทำงานดี หวังต่อยอดรากฐาน 'ประยุทธ์' สร้างไว้

วันที่ 22 ก.ย. ที่อาคารรัฐสภา สมชาย แสวงการ สว. กล่าวถึงกรณี เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศว่าถ้า ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พ้นโทษ จะให้มีบทบาทในรัฐบาลชุดนี้ และอาจจะให้ดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี

โดย สมชาย ระบุว่า ต้องดูในหลักนิติธรรมเป็นหลัก โดยเฉพาะในการควบคุมนักโทษ จะดำเนินการอย่างไร ให้เป็นกระบวนทางการกฎหมายมีความน่าเชื่อถือ แม้ ทักษิณ จะเคยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี มีคุณงามความดี แต่ก็มีคดีติดตัวถึง 3 คดี เพื่อให้เกิดหลักนิติธรรม และเกิดการสร้างความปรองดองในประเทศ ควรพิจารณาเรื่องนิติธรรมควบคู่ไปกับความเหมาะสม มองว่า ทักษิณ ควรเข้าสู่ระบบนิติธรรมอย่างตรงไปตรงมา รวมถึงเปิดเผยการรักษาตัวที่โรงพยาบาลพยาบาลตำรวจ ที่ยังไม่ทราบเรื่องว่าทำการรักษาอย่างไร 

สมชาย กล่าวว่า ในประเด็นนี้ วันจันทร์หน้า ( 25 ก.ย.) กรรมาธิการฯ ได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งปลัดกระทรวงยุติธรรม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ผู้บัญชาการเรือนจำ รวมถึงผู้อำนวยการทัณฑสถาน ที่ดูแลอาการเจ็บป่วยของ ทักษิณ และเชิญผู้อำนวยการโรงพยาบาลตำรวจ มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าขั้นตอนการรักษา มีมาตรฐานอย่างไร แต่คงไม่ถึงขั้นก้าวล่วง ถามถึงอาการเจ็บป่วย 

ขณะเดียวกันการที่ เศรษฐา กล่าวถึง ทักษิณ ว่าจะแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีนั้น จะต้องผ่านด่านที่ 1 ก่อน พร้อมย้ำว่าอยากให้ ทักษิณ เข้าสู่กระบวนการรับโทษ ส่วนเกณฑ์การขอรับโทษเพิ่มเติม คิดว่า ทักษิณ ได้มากพอสมควรแล้ว ในระยะเวลาที่เหลือนั้นควรดำเนินการให้เป็นแบบอย่าง อีกทั้ง ทักษิณเอง ก็เคยพูดเสมอว่า อยากเห็นประเทศไทยมีรัฐบุรุษในเรื่องคดีความแบบนี้ อีกทั้งอดีตผู้นำหลายประเทศ ที่มีคดีทุจริต ก็ต่างเข้าสู่กระบวนการด้วยกันทั้งสิ้น 

ทั้งนี้ หลักนิติธรรมที่ เศรษฐา พูด ประการแรกคือต้องทำให้ ทักษิณ อยู่ในความน่าเชื่อถือ โดยไม่ได้คืบเอาศอก ไม่ได้ศอกเอาวา ประการต่อมา ถ้า ทักษิณจะเป็นต้นแบบในการปรองดอง เห็นว่ารัฐบาลน่าจะหยุดคดีความเรื่องของความขัดแย้งในอดีตหลังรัฐธรรมนูญปี 2540 ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรในปี 2547-2548 จนนำไปสู่การรัฐประหารในปี 2549 ในคดีการชุมนุมของกลุ่ม นปก.และ กลุ่ม นปช. ที่มีการบาดเจ็บล้มตาย รวมถึงคดีปิดสนามบิน คดีเผาศาลากลาง คดีอื่นๆ 

"ถ้าเป็นเหตุเรื่องการเมือง ที่ไม่ทำให้เกิดการเสียชีวิต เพียงแค่มีความเสียหายด้านทรัพย์สิน สิ่งเหล่านี้น่าจะได้รับการเข้ามาอยู่ในคณะกรรมการปรองดอง ที่พิจารณาออก พรก. นิรโทษกรรม ให้กับกลุ่มต่างๆที่มีความขัดแย้งทางการเมือง เว้นแต่คดีมาตรา 112 ซึ่งบุคคลที่จะได้รับอภัยโทษ อาจต้องได้รับพระมหากรุณาธิคุณเอง และต้องสำนึกผิดเอง คิดว่าเป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีควรเร่งดำเนินการ"

สมชาย ชี้ว่า ถ้าเป็นไปได้ ทักษิณ อยู่ครบในเรือนจำ 1 ปี เรื่องของการปรองดอง อภัยซึ่งกันและกัน โดยให้ทุกฝ่ายยอมรับกับสังคม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใดก็ตาม ยอมรับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเปลี่ยนผ่าน รวมถึงการอภัยซึ่งกันและกัน ถ้าทำพร้อมกันก็เสร็จ 

หากปล่อย ทักษิณออกมาก่อน ภายใน 1 ปี ก็จะทำให้เกิดความสมานฉันท์ที่แท้จริง หากปล่อย ทักษิณออกมาก่อน แล้วคนอื่นๆยังติดคดี คิดว่าสังคมอาจจะไม่สงบ อาจเกิดคลื่นใต้น้ำ ไปยังรัฐบาลเศรษฐาได้” 

ประเด็นต่อมาการที่นายกรัฐมนตรี แต่งตั้ง ทักษิณมาเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ส่วนตัวมองว่าไม่มีความจำเป็น เพราะมีอดีตนายกรัฐมนตรีหลายคน ควรพบและขอคำปรึกษาได้ เช่น สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ชวน หลีกภัย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อานันท์ ปันยารชุน แม้กระทั่ง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่ให้อยู่นอกตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีในรัฐบาลนี้ดีกว่า อีกทั้งมองว่าเร็วเกินไปที่ เศรษฐา จะมาตอบว่า จะให้ ทักษิณ มาเป็นที่ปรึกษารัฐบาล เพราะเรื่องนี้จะกระทบความเชื่อมั่น กระทบเรื่องกระบวนการยุติธรรม ความศรัทธาต่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม 

“เป็นไปได้ก็อย่าไปตั้งเลยครับ ขอคำปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการดีแล้ว” สมชาย ระบุ

ทั้งนี้ สมชาย ยังชื่นชมการทำงานของ เศรษฐา ที่ไปประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญครั้งที่ 78 ที่สหรัฐฯ หลายเรื่องก็ดี ไปอธิบายให้เวทีสากลทราบ อย่างเช่นคำถามเกี่ยวกับความเป็นกลาง ระหว่างสหรัฐกับจีน ที่เป็นขั้วขัดแย้ง เศรษฐา ก็ตอบดี แต่วันนี้รัฐบาลของ เศรษฐา ก็ต้องเดินตามแนวเดิม ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็คือการประสานงานทุกฝ่ายไม่เลือกข้างใดข้างหนึ่ง ส่วนการเดินทางไปแล้วให้สัมภาษณ์สื่อ เชื่อว่าก็คงเตรียมความพร้อมไปอยู่แล้ว ซึ่ง เศรษฐา ก็ตอบคำถามได้ดี

“บางเรื่องอย่าไปใจด่วนใจเร็ว ขณะที่อาจจะเคยเป็นในฐานะที่อาจจะเคยเป็น CEO บริษัท ที่สั่งแล้วต้องได้ทุกอย่าง คิดว่าบางเรื่องฟังเสียงติติงก่อนแล้วค่อยพิจารณา อาจจะช้าไปนิดหนึ่ง แต่เพื่อให้เกิดความมั่นคง ยั่งยืนกว่า วันนี้วิกฤตเศรษฐกิจมีอยู่ทั่วโลก ถ้าประเทศไทยประคองไปได้ถือว่าดีมาก คิดว่ารัฐบาลของ เศรษฐา ได้ผลพวง 8-9 ปีจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่วางโครงสร้างพื้นฐานไว้ ขอให้รีบต่อยอด เดินหน้าประเทศไทยให้เป็นประเทศที่พัฒนาได้ มีความโปร่งใสซื่อสัตย์สุจริตจะดีกว่า” สมชาย กล่าวทิ้งท้าย