วันที่ 23 ก.พ. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 30 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2) วาระในการลงมติ วาระ 1 ชั้นรับหลักการ ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมพระราชกำหนดการประมง ซึ่งค้างพิจารณามาหลายวาระ ซึ่งวันนี้ได้มีการเดินหน้าลงมติโดยผลปรากฏว่า มีผู้เห็นชอบ 291 คนโดยไม่มีผู้ไม่เห็นด้วย

พร้อมตั้งกรรมาธิการ จำนวน 25 คน โดยแบ่งเป็นกรรมาธิการในสัดส่วนของ ครม.จำนวน 5 คน จากพรรคเพื่อไทยจำนวน 6 คน พรรคพลังประชารัฐ จำนวน 4 คน พรรคภูมิใจไทย จำนวน 3 คน พรรคประชาธิปัตย์จำนวน 3 คน พรรคก้าวไกล จำนวน 2 คน พรรคชาติไทยพัฒนา และ พรรคเสรีรวมไทย พรรคละ 1 คน

ต่อมาได้เกิดการถกเถียงกันว่าจะใช้ร่างฯ ใดเป็นร่างฯ หลักในการพิจารณาชั้นกรรมาธิการ เพราะมีร่างฯ เสนอมาถึง 7 ฉบับด้วยกัน โดยวิปรัฐบาลเสนอให้ใช้ร่างหลักเป็นร่างที่ 2 ซึ่ง กันตวรรณ ตันเถียร ส.ส.พังงา พรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้เสนอ

ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แย้งว่า ร่างหลักควรคำนึงถึงหลักการที่ครอบคลุมและเป็นเหตุเป็นผลมากที่สุด ไม่ควรใช้มติตรงนี้เพียงเพื่อเอาพรรคใดพรรคหนึ่งขึ้นมา ถ้าอยากจะช่วยชาวประมงจริงให้รับร่างที่มีหลักการครบไว้ ถ้าใช้ร่างที่ไม่สมบูรณ์ก็ต้องกลับไปร่างใหม่อีก ทำให้เสียเวลา

ด้าน นิกร จำนง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ นายทะเบียนพรรคชาติไทยพัฒนา ระบุว่าที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องของชาวประมง และก็ได้มีการตั้งกรรมาธิการศึกษาเรื่องดังกล่าวมาตลอด โดยให้ชาวประมงทั้งพื้นบ้านและพาณิชย์ได้มีการเสนอร่างเนื้อหาเข้ามา จึงได้มีการตกลงกันว่าให้แต่ละพรรคมีการยกร่างขึ้นมาโดยใช้แกนหลักคือร่างของประชาชน แต่ส่วนตัวก็ขอให้มีการใช้ร่างของกรรมาธิการ ซึ่งก็คือร่างของ กันตวรรณ ตันเถียร

จากนั้น วรศิษฏ์ เลียงประสิทธิ์ ส.ส.สตูล พรรคภูมิใจไทย ได้ระบุว่าทุกคนมีความตั้งใจที่จะเอาร่างแต่ละฉบับมาทำงานกันต่อภายหลังการเลือกตั้ง ดังนั้นสิ่งที่จะเสนอก็คืออยากให้ใช้ร่างที่ 2 ซึ่งเป็นร่างของ กันตวรรณ เป็นพื้นฐาน และไม่อยากให้มองว่าร่างของแต่ละร่างเป็นของพรรคใดพรรคหนึ่ง เพราะทุกพรรคก็ให้ความสำคัญกับการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว จึงอยากให้นำร่างที่เป็นของกรรมาธิการมาเป็นพื้นฐาน ซึ่งมีสมาชิกทุกพรรคการเมืองร่วมทำงานอยู่ด้วยกัน

ด้าน กันตวรรณ ระบุว่า ส.ส.ทั้งสภา ได้มีการเสนอรวม 11 ญัตติ และได้มีการเสนอโดยสภาฯ ส่งเรื่องดังกล่าวให้กรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์พิจารณา ซึ่งมีตนเป็นประธานฯ พร้อมได้มีทำงานร่วมกันทุกพรรค ใช้เวลามากกว่า 100 วัน และมีภาคประชาชนเข้ามาร่วมทำงาน จึงถือเป็นร่างที่มาจากความตั้งใจของทุกพรรคการเมืองไม่ใช่แค่ของคนใดคนหนึ่ง จึงมั่นใจว่าร่างที่ 2 ก็เป็นร่างหนึ่งที่มาจากประชาชนเป็นหลัก

ขณะที่ นพ.ชลน่าน ระบุว่า ไม่ขัดข้องที่จะใช้ร่างใดร่างหนึ่ง และยืนยันว่าไม่มีการเล่นเกมการเมือง เพียงแต่ส่วนตัวสงสัยว่าร่างเนื้อหาใดมีความครอบคลุมที่สุด ก็ควรใช้ร่างนั้นเป็นพื้นฐานมากกว่า และควรเป็นร่างที่มีความเห็นจากทุกหลักการเข้าไปประกอบด้วย เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหาว่ากรรมาธิการเสียงข้างมากไม่ฟังเสียงข้างน้อย

จากนั้นที่ประชุมได้ลงมติว่าจะเห็นชอบให้ร่างที่ 5 ของ นพ.ชลน่าน เป็นร่างหลักในการพิจารณาชั้นกรรมาธิการฯ ด้วยคะแนนเสียงเห็นชอบ 140 ต่อ 137 เสียง งดออกเสียง 1 คน ไม่ลงคะแนนเสียง 1 คน

ทั้งนี้ ในการประชุมดังกล่าว ยังได้มีตัวแทนภาคประชาชน ผู้ประกอบอาชีพประมงมาร่วมฟังการพิจารณาด้วย

สำหรับการประชุมสภาฯ ในวันนี้ ถือเป็นวันสุดท้ายของการประชุมสภาฯ ในสมัยสามัญประจำปี โดยมี ส.ส. ใหม่เข้ารายงานตัวเป็นวันแรกด้วย คือ กิตติประภา จิวะสันติการ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ จึงถือว่า เป็นทั้ง ส.ส.ใหม่ และคนสุดท้ายของสภาฯชุดนี้ ทำให้มีจำนวน ส.ส.ที่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ล่าสุด 417 คน จำนวนกึ่งหนึ่งคือ 208 คน

ส่วนร่างกฎหมายที่สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาไม่แล้วเสร็จในวาระที่ 3 ทั้งร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิต ร่าง พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียม และร่างกฎหมายอื่นๆ ให้ถือว่าเป็นอันตกไป เว้นแต่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ จะร้องขอให้สภาฯ พิจารณาต่อได้ โดย ครม. จะต้องร้องขอต่อสภาฯ ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่มีรัฐพิธีเรียกประชุมรัฐสภาครั้งแรกหลังการเลือกตั้ง