วันที่ 21 ส.ค. ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ กล่าวผ่านรายการ กรรมกรข่าว คุยนอกจอ กับ สรยุทธ สุทัศนะจินดา ว่า วันนี้ขอยุติบทบาทผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย และไม่เข้าร่วมกิจกรรมใดๆ กับรัฐบาลในอนาคต โดยได้แจ้งและบอกกล่าวผู้ใหญ่ในพรรค และบุคคลสำคัญทางการเมือง ทั้ง แพทองธาร ชินวัตร, เศรษฐา ทวีสิน, ทักษิณ ชินวัตร, พานทองแท้ ชินวัตร และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งทุกคนเข้าใจสถานการณ์ ไม่ได้มีความขัดแย้งใดๆ
สำหรับเหตุผลก็เนื่องจากกรณีการจับมือจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคการเมืองบางพรรค โดยตนเองก็รอให้มั่นใจ ให้พรรคผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากในช่วงก่อนหน้านี้ เพราะตนไม่เคยจากไปไหนในช่วงที่เขาลำบาก โดยขณะนี้มั่นใจว่าเศรษฐาจะได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา
ส่วนนี่คือผลจากการที่พรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาลโดยมีพรรค 2 ลุง หรือพรรครวมไทยสร้างชาติกับพรรคพลังประชารัฐร่วมด้วยใช่หรือไม่ ณัฐวุฒิกล่าวว่า “เหตุผลนั้นเป็นเหตุผลสำคัญ การตัดสินใจยุติบทบาทผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย สำหรับผมมันเป็นเรื่องมีรอยในใจผม ที่นี่บ้านผม ผมเกิดที่นี่ โตที่นี่ สู้ที่นี่ คนในบ้านพี่น้องผมทั้งนั้น แต่ว่าถึงเวลามันก็ต้องตัดสินใจ ผมออกมาและจะไม่เขวี้ยงหินใส่หลังคาบ้าน"
โดยหลังจากนี้ตนได้ขอ พรรคเพื่อไทย ทั้ง 141 ส.ส. ดันวาระ 'พรบ.ป.ป.ช.' ให้ญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สังหารหมู่ ปี 53 ฟ้องตรงได้ ตนเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยยังยึดเรื่องนี้เป็นสำคัญ เพราะเป็นหนึ่งในนโยบายที่ประกาศไว้ และจะไปขอให้พรรคก้าวไกลร่วมออกเสียงด้วย เพราะประชาชนได้ประโยชน์ และตนไม่สนพรรคร่วมรัฐบาลจะไม่เห็นด้วย ซึ่งถ้าพรรคเพื่อไทยไม่เอาด้วย ก็เจอกัน
ช่วงหนึ่งณัฐวุฒิ กล่าวว่า "ผมเป็นห่วงคุณเศรษฐา ผมรักแก ผมอยู่กับแกมา ผมอยากยืนอยู่กับแกจนถึงวันที่แกปลอดภัยแล้ว รวมถึงแพทองธารด้วย ที่ร่วมหาเสียงกันมาตั้งแต่ระยะแรกๆ ผมมั่นใจในตัวของเขาทั้ง 2 คน"
"ตอนคุณพิธา จะเป็นนายกรัฐมนตรี จากการโหวตในที่ประชุมรัฐสภา ผมก็ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวในการพูดคุยกับ สว.เพื่อให้โหวตให้คุณพิธา แต่สุดท้ายก็หายบ้างไม่มาบ้าง รอบนี้ผมก็หาเสียง สว.ให้คุณเศรษฐา ซึ่งเขาให้ความมั่นใจว่าจะได้มากกว่ารอบที่แล้ว" ณัฐวุฒิ เปิดเผยตอนหนึ่ง ถึงกรณีการหาเสียง สว.ของเพื่อสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากก้าวไกล และเพื่อไทย พร้อมกับระบุด้วยว่า "จริงๆแล้วเป็นเรื่องที่ผมไม่ค่อยอยากเล่า"