วันที่ 17 พ.ค.2566 อลงกรณ์ พลบุตร รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ให้ความเห็นเกี่ยวกับท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ในการจัดตั้งรัฐบาลและการเลือกนายกรัฐมนตรีว่า พรรคประชาธิปัตย์ประกาศชัดเจนในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ว่าจะฟังเสียงของประชาชนในการเลือกตั้งเพื่อกำหนดจุดยืนของพรรคหลังทราบผลการเลือกตั้ง
ดังนั้น เมื่อประชาชนกว่า 14 ล้านคนเลือกพรรคก้าวไกลเป็นอันดับ 1 ของประเทศทั้ง ส.ส.แบบเขตเลือกตั้งและส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ
ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์จะเคารพเสียงของประชาชนด้วยการลงมติสนับสนุน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรีโดยไม่มีเงื่อนไขร่วมรัฐบาล หากพรรคก้าวไกลสามารถรวมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้สำเร็จ
โดยตนจะเสนอแนวทางนี้ต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคชุดรักษาการซึ่งจะมีการประชุมในสัปดาห์หน้ารวมทั้งแกนนำและสมาชิกพรรคทั่วทั้งประเทศ
อลงกรณ์ ยังกล่าวต่อไปว่า ถึงเวลาที่พรรคประชาธิปัตย์จะต้องช่วยผ่าทางตันที่อาจเกิดขึ้นในการเลือกนายกรัฐมนตรีที่ต้องใช้เสียงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภาอย่างน้อย 376 เสียง เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านรัฐบาลเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็วตามเจตนารมณ์ของประชาชนในการเลือกตั้งที่ผ่านมา
“แม้พรรคประชาธิปัตย์จะโหวตสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล แต่พรรคปชป.ก็พร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านเพื่อตรวจสอบถ่วงดุลการทำงานของรัฐบาลพรรคก้าวไกลโดยยึดหลักการ 3 ข้อเป็นแนวทางการทำงานของพรรคได้แก่
1.พรรคประชาธิปัตย์ยึดมั่นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
2.ประชาธิปไตยสุจริต
3.ประชาธิปไตยอิ่มท้องแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน”นายอลงกรณ์กล่าวในที่สุด
สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะรักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์เลือก พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อเป็นการปิดสวิตช์ ส.ว.ในการเลือกนายกฯ สาธิตกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นแนวทางเชิงอุดมการณ์อย่างหนึ่งของการปิดสวิตช์ ส.ว. ซึ่งเป็นเรื่องหนึ่งที่พรรคประชาธิปัตย์พูดมาตลอด แต่ส่วนตัวตนเป็น ส.ส.สอบตกน้ำหนักในการพูดก็น้อยลง แต่ด้วยอุดมการณ์ส่วนตัวคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์น่าจะเดินไปในแนวทางที่ทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่น และเรื่องดังกล่าวคงมีการนำไปพูดคุยกันในพรรค