เวลา 11.30 สนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ยื่นหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ขอให้ตรวจสอบจริยธรรมของ ชัยธวัช ตุลาธนหัวหน้าพรรคก้าวไกล และ รัชนก ศรีนอก สส.กทม. พรรคก้าวไกล หลังอภิปรายในสภาฯ และโพสต์ข้อความลงโซเชียลมีเดียพาดพิง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี และ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

สนธิญา กล่าวว่า ประเด็นแรก ชัยธวัช โพสต์ข้อความลงใน X มีการกล่าวหาถึงพลเอกประยุทธ์ และ เศรษฐา ว่า “ประยุทธ์คิด เศรษฐาทำ ไอโม่งสั่ง” ส่งผลต่อชื่อเสียงของผู้นำ และเข้าข่ายการกระทำความผิด ตามที่ตนได้ไปแจ้งกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท) ก่อนหน้านี้

โดยการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา หรือกรรมาธิการ มีหมวดว่าด้วยจริยธรรมจำนวน 2 ฉบับ ที่บังคับใช้อยู่ ฉบับแรก คือ ประมวลตามมาตรฐานจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดำรงตำแหน่งองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ตรวจการแผ่นดิน และเลขาฯศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ปี 2560 มาตรา 219 ซึ่งใช้พ่วงกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด้วย ฉบับที่ 2 คือ ประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ ปี 2563 

อีกกรณีของ รัชนก ได้มีการกล่าวขึ้นในสภาฯ หลายประเด็น โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า “สิบปีที่ผ่านมาของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา สร้างความฉิบหายให้กับประเทศไทย” หรือว่าไม่มีผลงาน รวมถึงการปฏิวัติการรัฐประหาร ข้อมูลบางส่วนไม่ตรง เท็จ และบิดเบือน ในทางกฎหมาย สามารถตรวจสอบตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ แต่ในทางปฏิบัติ ในฐานะที่ทั้งสองท่านเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และอยู่ภายใต้จริยธรรมที่ตนเองได้กล่าวไปทั้งสองฉบับ จึงต้องมีการตรวจสอบและวินิจฉัยการกระทำดังกล่าว

ดังนั้น ตนจึงต้องการให้ ป.ป.ช. พิจารณาและวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 234 โดยโทษตามกฎหมาย คือ ถูกศาลฎีกาพิพากษาให้ไม่สามารถทำงานเกี่ยวกับด้านการเมืองตลอดชีวิต หรือ 10-20 ปี ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแต่ละศาลที่ทาง ป.ป.ช. จะนำส่งไป โดยในกรณีของ รัชนก ศรีนอก ที่ได้ส่งให้ทาง ป.ป.ช. ตรวจสอบวินิจฉัยจริยธรรม มีจำนวน 11 ข้อ