วันที่ 15 ก.พ. 2566 ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยสามัญประจำปีครั้งที่สองเป็นพิเศษ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวเปิดการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตาม ม.152 ว่า แม้ว่าการอภิปรายครั้งนี้ไม่มีการลงมติ แต่ประชาชนลงมติได้ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษที่พี่น้องประชาชนได้ใช้กลไกของรัฐสภาเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมประชาธิปไตยก่อนเข้าคูหาเลือกตั้ง โดยก่อนการเลือกตั้งปี 2562 มีแต่คำสัญญาว่าจะเข้ามารักษาความสงบ แต่นับจนถึงตอนนี้สิ่งที่ผลิดอกออกผลเป็นรูปธรรรมคือ ทศวรรษที่สูญหายของงบประมาณ เวลา และโอกาส
พิธา กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ใช้งบประมาณไปแล้ว 28 ล้านล้านบาท แต่ภาพเศรษฐกิจที่ประชาชนได้คือ ตัวเลข GDP หลังโควิดอยู่ที่อันดับ 7 ของอาเซียน สภาพการแข่งขันของประเทศถอยหลังลงคลองขนาดไหน อีกทั้งยังเป็นประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัวจริงจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มีแต่การ “แจกก่อนรวย ป่วยก่อนตาย เลือกความสงบ จบที่อดอยาก” ก่อนการรัฐประหาร 2549 ประเทศไทยแซงหน้าอินโดนีเซีย มาเลเซีย และในการรัฐประหาร 2557 ต้องมาแข่งกับฟิลิปปินส์ และเวียดนาม อีกทั้งตอนนี้การลงทุนในครึ่งปีแรก เรานำเพียงแค่กัมพูชาเท่านั้น
พิธา กล่าวอีกว่า ต่อมาคือความสูญหายของเวลา ในระยะเวลาที่เดินไปแต่เราหยุดอยู่นิ่ง นั่นคือเรื่องการถอยหลัง ทั้งในเรื่องการศึกษา การแก้ปัญหาคอรัปชั่น และภัยแล้ง โดยเฉพาะดัชนีคอรัปชั่นปี 2557 เราอยผู้อันดับ 85 และในปีล่าสุด 2565 เราตกไปอยู่อันดับ 110 นี่คือเวลาในการปราบโกงแก้คอรัปชั่นแต่ไม่มีอะไรกระเตื้องขึ้น สุดท้ายคือการแก้ปัญหาภัยแล้ง แม้จะมีพรรคร่วมรัฐบาลพรรคหนึ่งบอกว่า “มีลุงไม่มีแล้ง” แต่ปัญหาที่ดิน และปัญน้ำจะแก้ไขได้อย่างจริงจังทั้งที่ท่านดูแลมาตลอด 8 ปี มากไปกว่านั้นไม่ใช่แค่แล้ง แต่มีเลื่อนลอย
มันคือความสุญหายทางโอกาสที่ปฏิรูปสิ่งกระทบพี่น้องประชาชนมากที่สุดคือ เป็นสิ่งที่นายกรัฐมนตรีที่มาจากฝ่ายความมั่นคง นั่นคือ เลื่อนการปฏิรูปวงการตำรวจ และลอยตัวเหนือปฏิรูปทหาร อะไรคือคำตอบของเรือหลวงสุโขทัยล่ม อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ทหารชั้นผู้น้อยต้องสูญเสียเป็นจำนวนมาก อะไรคือสาเหตุของการปฏิรูปกองทัพแล้วมีการกราดยิงที่ จ.นครราชสีมา เห็นแต่การปโอรูปคือการกระจายทหารไปอยู่ตามคณะกรรมการต่างๆ ในหน่วยงานรัฐ
“เป็นการปฏิรูปแบบนับหนึ่งไม่ถึงร้อย ภาพลักษณ์ตำรวจมีส่วนกับทุนจีนสีเทา และเกี่ยวข้องกับการรีดไถนำขบวนนักท่องเที่ยวจีน แทนที่จะเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ แต่ทำร้ายราษฎรเสียเอง รวมไปถึงการดูแลเรื่องการเข้าถึงอาวุธปืน เช่นการกราดยิงที่หนองบัวลำภูและมีสารเสพย์ติดเข้าไปเกี่ยวข้องซึ่งประชาชนก็ยังไม่ได้รับคำตอบจากท่านเช่นเดียวกัน” พิธา กล่าว
พิธา กล่าวเสริมว่า ถ้าทุกคนเชื่อว่า การเลือกตั้งคือโอกาสในการสร้างความเปลี่ยนแปลง คือประเทศที่มีการเมืองดี ปากท้องดี และมีอนาคตดี ไม่ใช่การเมืองเดิม ปากท้องเดิม อนาคตแบบเดิม ตนอยากจะบอกว่า การเมืองเป็นกระดุมเม็ดแรก ถ้าติดถูกเมื่อไหร่ มันจะทำให้พี่น้องประชาชนลืมตาอ้าปากได้ ในอนาคตอีก 40ปี ประเทศไทยต้องโตไปด้วย และลดความเหลื่อมล้ำ ด้วยการสร้างงาน ซ่อมประเทศ เอาปัญหาของประชาชนเป็นตัวตั้ง ซึ่งการเมืองจะดีได้ จะต้องทำให้ประชาธิปไตยเต็มใบ เอาทหารออกจากการเมือง ปิสวิตช์ 3 ป. เราต้องมีการแก้รัฐธรรมนูญที่มาจาก ส.ส.ร. อีกทั้งการยัดข้อหา ม.112 หรือ ม.116 ให้เยาวชนไม่ใช่ทางออกประเทศไทย แต่มันคือทางตันของประเทศไทย