ไม่พบผลการค้นหา
“เพื่อไทย” ให้เกียรติ “ก้าวไกล” ไม่ก้าวล่วงการรวบรวม “เสียง ส.ว.” ขอช่วยเท่าที่ช่วยได้ จับตา! พรุ่งนี้ 8 พรรคร่วม ประชุมเตรียมพร้อมดัน “พิธา” เป็นนายกฯ ไม่มองไปไกล ไร้แผนสำรอง

วันที่ 10 ก.ค. 2566 ที่พรรรเพื่อไทย ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาลก่อนวันที่ 13 ก.ค.ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ว่า ในวันพรุ่งนี้ 09.30 น.จะนัดแกนนำ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลประชุมกันที่รัฐสภา โดยจะเป็นการพูดคุยในประเด็นเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นหลัก รวมถึงประเด็นอื่นๆที่เกี่ยวเนื่อง อาทิ เรื่องคณะกรรมการเปลี่ยนผ่าน หลังจากนั้นในเวลา 11.00 น. จะมีการนัดประชุม 3 ฝ่าย ประกอบด้วยสมาชิกวุฒิสภา 8 พรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และพรรคการเมืองขั้วรัฐบาลเดิม โดยประธานรัฐสภาจะเป็นผู้นัดหมาย ซึ่งเนื้อหาหลักจะเป็นแนวทางการประชุมในวันที่ 13 ก.ค.นี้ในเรื่องของการโหวตนายกรัฐมนตรีจะต้องมีข้อบังคับหรือข้อกำหนดใดบ้าง ซึ่งก่อนการโหวตจะต้องมีการแสดงวิสัยทัศน์ หรือควรมีการแสดงความคิดเห็นใดๆในที่ประชุมด้วยหรือไม่

ประเสริฐ ยังคงยืนยันว่า 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลยังชัดเจนและมีแนวทางเดียวกันคือ โหวตให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและ แคนดิเดตนายกฯรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี ย้ำว่า เสียงเป็นเอกภาพ และ 8 พรรคยืนยันว่าข้อตกลงเป็นไปตาม MOU ที่จะสนับสนุน พิธาอย่างเต็มที่ 

ส่วนประเด็นเสียงของ ส.ว. ประเสริฐ ระบุว่า เท่าที่สอบถามแกนนำพรรคก้าวไกลยังคงยืนยันว่า สามารถรวบรวมเสียง ส.ว.ได้เพียงพอ โดยในเรื่องนี้ส่วนตัวเข้าใจพรรคก้าวไกลดีที่ไม่อยากเปิดเผยรายละเอียด เรื่องเสียงการโหวตของส.ว.มากเท่าไหร่นัก ซึ่งการโหวตครั้งนี้มีความสำคัญมาก

ส่วนจะต้องสอบถามทางพรรคก้าวไกลหรือไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะเข้าไปช่วยพูดคุยกับ ส.ว.บางคนที่รู้จัก ประเสริฐ ระบุว่าก็มีการสอบถามไปอยู่บ้าง แต่การพูดคุยหลักๆเป็นของพรรคก้าวไกล ซึ่งที่กล่าวไปข้างต้นพรรคก้าวไกลยังไม่เปิดเผยรายละเอียดมากนัก เพราะอาจส่งผลกระทบต่อคะแนนเสียง ตรงนี้พรรคเพื่อไทยเข้าใจดีว่าเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนหากจะต้องมาเปิดเผยชื่อ “พรรคเพื่อไทยจะถามเท่าที่ถามได้”

ส่วนใน 8 พรรคที่มีการพูดคุยกันจะต้องมีการยืนยันเสียงว่าพอหรือไม่พอ เพื่อเป็นการวางแผนสำรองหากขั้วรัฐบาลเดิมจะส่งชื่อชิงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีตามที่มีการวิเคราะห์กัน ประเสริฐ ระบุว่า ในวันพรุ่งนี้อาจจะมีการนำเรื่องนี้เข้ามาพูดคุยกันแต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะได้รายละเอียดมากน้อยขนาดไหน เพราะพรรคก้าวไกลยืนยันว่าได้เสียงครบมาโดยตลอด หากจะนำเรื่องนี้ไปสอบถามบ่อยๆก็จะดูไม่เหมาะสม ต้องให้เกียรติในฐานะพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและยังเป็นพรรคหลักในการรวบรวมเสียงของ ส.ว. 

ขณะที่มุมพรรคเพื่อไทยหากมองตามที่มีการวิเคราะห์ พิธาอาจจะไม่ได้คะแนนเสียงเพียงพอในครั้งแรก จะต้องมีการโหวตกันกี่ครั้ง ประเสริฐ กล่าวว่า เรื่องนี้ วันมูหัมมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา จะต้องนำเรื่องนี้มาหารือกับแกนนำจัดตั้งรัฐบาลทั้ง 8 พรรค หากครั้งแรกไม่ผ่านจะมีแนวทางอย่างไรในครั้งต่อไป ส่วนตัวคิดว่าจะต้องมีการพูดคุยยังไม่อยากสรุปไปก่อนว่าจะออกมาทิศทางใด ส่วนพรรคเพื่อไทยมองไว้อย่างไร หากพิธาไม่ได้เสียงในครั้งแรก ประเสริฐ ยืนยันว่า ยังไม่มองไปไกล และไม่มีแผนสำรอง เพราะวันนี้จะต้องให้เกียรติพรรคก้าวไกลก่อน พรรคเพื่อไทยจึงยังไม่สมควรที่จะมาพูดเรื่องนี้ ให้ดูกันวันที่ 13 ก.ค.ก่อนค่อยมาพูดคุยกันอีกครั้ง

ส่วนประเด็นและเงื่อนไขหลักที่ส.ว.จะไม่ยกมือให้ พิธาคือเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 จุดยืนของพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างไรกับเรื่องนี้ ประเสริฐ ระบุว่า วันที่พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลแถลงข่าวในวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา เราได้พูดคุยเรื่องข้อตกลง MOU กันแล้วว่าพรรคเพื่อไทยไม่เห็นด้วยกับการแก้ไข และพรรคเพื่อไทยขอสงวนความเห็นหากจะหยิบยกเรื่องนี้มาพิจารณา ดังนั้นจุดยืนของพรรคเพื่อไทยมีความชัดเจนอยู่แล้ว

ส่วนประเด็นที่ ส.ว.ออกมาเตือนหาก 8 พรรคร่วมฯ หากโหวตบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติจะเข้าข่ายผิดกฎหมายได้ พรรคเพื่อไทยมีความกังวลหรือไม่ ประเสริฐ ระบุว่า เรื่องนี้เป็นดุลยพินิจของ ส.ว.แต่ละคน ส่วนตัวมองว่าเป็นเพียงการส่งสัญญาณออกมาแต่ท้ายที่สุดแล้ว เชื่อมั่นว่า ส.ส. และ ส.ว.ทุกคนมีวุฒิภาวะ ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจที่จะตัดสินใจ 

ส่วนกังวลหรือไม่หากมีความวุ่นวายเกิดขึ้นในวันโหวตนายกรัฐมนตรีหากไม่ผ่านในวันแรกเพราะจะมีมวลชนมาให้กำลังใจ ประเสริฐ ระบุว่า ไม่กังวล ทุกอย่างเป็นไปตามครรลองประชาธิปไตย สามารถชี้แจงกับทุกฝ่ายได้ถึงที่มาที่ไป ส่วนตัวมั่นใจว่าสภาจะสามารถให้เหตุผลกับประชาชนได้ และมั่นใจว่าประชาชนจะเข้าใจด้วยเช่นกัน

ส่วนที่ กกต.เตรียมประชุมส่งเรื่องหุ้นไอทีวีของพิธาให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นก่อนวันที่ 13 ก.ค. 8 พรรคร่วมจะนำเรื่องนี้มาพูดคุยหรือไม่ ประเสริฐ ระบุว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้อยู่ในหัวข้อการพูดคุยในวันพรุ่งนี้ แต่หากดูจากข่าว คำร้องที่ กกต.จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญ และคำร้องที่ พิธายื่นไปยังกกต.ขอให้มีการไต่สวนข้อเท็จจริงก่อน ส่วนตัวเชื่อว่า ในเรื่องนี้ กกต.จะให้ความเป็นธรรมกับผู้ถูกร้อง และยังเชื่อว่าหากมีการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา พิธา และ พรรคก้าวไกลจะสามารถตอบคำถามและชี้แจงเรื่องนี้ได้ ส่วนตัวจึงมั่นใจว่า ไม่กระทบกับวันที่ 13 ก.ค.การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจะยังคงดำเนินต่อไปไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง