ทรัสส์เป็นผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศตลอดช่วงสงครามยูเครน ภายใต้หัวหน้ารัฐบาลเดิมอย่าง บอริส จอห์นสัน อีกทั้งเธอยังมีแนวนโยบายที่คอยให้การช่วยเหลือยูเครนจากการรุกรานของรัสเซีย ซึ่งโปรไฟล์ของทรัสส์กำลังทำให้รัสเซียหวั่นเกรงว่า ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองชาติจะเลวร้ายลงไปกว่าเดิม
ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกประจำทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซีย ออกมาระบุถึงการที่ทรัสส์จะได้ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของสหราชอาณาจักร หลังพรรคอนุรักษนิยมเลือกเธอขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่แทนจอห์นสันว่า “ผมไม่อยากจะพูดว่าสิ่งต่างๆ สามารถเปลี่ยนแปลงลงไปในทางที่ย่ำแย่ลงได้ เพราะมันยากที่จะจินตนาการถึงสิ่งที่ย่ำแย่กว่านั้น” เปสคอฟระบุหลังผู้สื่อข่าวสอบถามว่าความสัมพันธ์ของรัสเซียกับสหราชอาณาจักรจะพัฒนาไปในทิศทางใด “น่าเสียดายว่าเรื่องดังกล่าวไม่สามารถทำให้เป็นไปไม่ได้”
รัสเซียพยายามเยาะเย้ยและดูถูกทรัสส์ ตั้งแต่สมัยที่เธอเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และเดินทางเยือนรัสเซียก่อนการรุกรานยูเครน เพื่อเข้าพบและพูดคุยกับ เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ซึ่งตรงกันกับช่วงเวลา 1 สัปดาห์ก่อนการรุกรานยูเครนของรัสเซีย
ในการพบกันครั้งนั้น ทรัสส์ได้ตั้งคำถามถึงการที่รัสเซียยกกองทัพของตนนับแสนนายไปประชิดชายแดนยูเครนต่อลาฟรอฟ ก่อนที่ลาฟรอฟจะปฏิเสธว่ารัสเซียไม่ได้คิดจะรุกรานยูเครน พร้อมกล่าวโจมตีการแทรกแซงของทรัสส์ว่าเป็น “เพียงแค่การตะโกนคำพูดสวยหรูมาจากเวทีสุนทรพจน์”
รัสเซียยังถากถางทรัสส์ในขณะนั้น โดยการตีพิมพ์ข้อความโจมตีอนาคตนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 3 จากสหราชอาณาจักรว่า เธอสับสนระหว่างภูมิภาคของรัสเซียกับดินแดนของยูเครน และควรมีการแจ้งข้อมูลเพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดๆ จากทางทูตอังกฤษประจำรัสเซีย
จากปฏิกิริยาหลังจากทรัสส์ได้รับการประกาศว่า เธอได้คว้าชัยชนะการเป็นหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยมคนใหม่ พิธีกรรายการโทรทัศน์หนึ่งของรัสเซียได้วิจารณ์ทรัสส์ว่า “ความโง่เขลาคว้าชัยชนะไปแล้ว ลิซ ทรัสส์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ หาก บอริส จอห์นสัน บรรลุข้อตกลงเบร็กซิทได้ เธอก็จะบรรลุสิ่งที่แตกต่างออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง นั่นก็คือจุดจบของโลก”
ในทางตรงกันข้าม ยูเครนได้ต้อนรับการขึ้นสู่อำนาจนายกรัฐมนตรีของทรัสส์อย่างยินดี โดย โวโลดีเมอร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนระบุว่า ความสัมพันธ์ของยูเครนกับสหราชอาณาจักร “อยู่ในจุดที่สูงที่สุดเท่าที่ไม่เคยมีมาก่อน” และกล่าวเสริมว่า “เราที่อยู่ในยูเครนรู้จักกันกับเธอดี เธออยู่ในด้านสว่างทางการเมืองยุโรปมาโดยตลอด และผมเชื่อว่าเมื่อร่วมมือกัน เราจะสามารถทำอะไรได้อีกมากมายเพื่อปกป้องประเทศของเรา และขัดขวางความพยายามทำลายล้างของรัสเซียทั้งหมด สิ่งสำคัญคือการรักษาความสามัคคีของเราไว้ และมันจะเป็นอย่างนั้นอย่างแน่นอน”
ยังมีเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานรัฐบาล และอดีตผู้นำยูเครนอีกหลายคน ที่ออกมาแสดงความยินดีต่อทรัสส์ อีกทั้งสื่อของยูเครนได้รายงานว่า เธอจะต่อสายหาผู้นำต่างชาติคนแรกมายังเซเลนสกี สะท้อนการสนับสนุนที่สหราชอาณาจักรมีต่อยูเครนตลอดช่วงสงคราม บล็อกเกอร์ชาวยูเครนหลายคนเปรียบเทียบว่าเธอนั้นเป็น “หญิงเหล็ก” คนใหม่ เพื่อสะท้อนภาพนายกรัฐมนตรีหญิงคนใหม่ของสหราชอาณาจักร กับอดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของสหราชอาณาจักรอย่าง มาร์กาเรต แทตเชอร์
สหราชอาณาจักรเป็นชาติที่มอบความช่วยเหลือให้แก่ยูเครนเป็นอันดับต้นๆ เพื่อการรับมือกับการรุกรานของรัสเซีย ภายใต้รัฐบาลของจอห์นสันที่มีทรัสส์เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อย่างไรก็ดี ทรัสส์มีแนวโน้มที่ค่อนข้างชัดเจนว่า เธอจะยังคงเดินหน้ามอบความสนับสนุนและช่วยเหลือแก่ยูเครน เพื่อต่อต้านรัสเซียต่อไปอย่างหนักแน่น ในขณะที่รัสเซียออกมากล่าวหาว่า “ภาวะเกลียดกลัวรัสเซีย” ภายใต้รัฐบาลทรัสส์จะยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
ที่มา: