คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) ระบุในถ้อยแถลงว่า ผู้ป่วยโควิด-19 ส่วนใหญ่ในตอนนี้ของประเทศจีนเป็นผู้ป่วยไม่แสดงอาการ และเป็นผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง ซึ่งไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษาเป็นพิเศษในโรงพยาบาล
“ผู้ที่ไม่แสดงอาการและผู้ป่วยที่ไม่รุนแรงสามารถแยกตัวได้ที่บ้าน ในขณะที่เพิ่มการเฝ้าระวังด้านสุขภาพ และพวกเขาสามารถส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลที่กำหนด เพื่อเข้ารับการรักษาได้ทันท่วงที หากอาการของพวกเขาแย่ลง” คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนกล่าว
นอกจากนี้ จีนยังได้ยกเลิกข้อกำหนดการตรวจหาเชื้อแบบ PCR สำหรับสถานที่สาธารณะส่วนใหญ่ ยกเว้นโรงพยาบาลและโรงเรียน โดยปัจจุบันนี้ จีนมีอัตราผู้ติดเชื้อใหม่วันละประมาณ 30,000 ราย นับเป็นยอดการติดเชื้อที่มากที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในจีน แต่การผ่อนปรนหลังจากการประท้วงของประชาชนอย่างรุนแรง เริ่มเป็นสัญญาณว่าจีนกำลังจะเดินหน้าสู่การ “อยู่ร่วมกันกับเชื้อไวรัส” หลังบังคับใช้มาตรการโควิดเป็นศูนย์มาอย่างเข้มงวดและยาวนาน
คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนยังออกข้อจำกัดใหม่อีก เช่น ต้องมีการล็อกดาวน์กับพื้นที่ที่ระบุตำแหน่งได้แม่นยำมากขึ้น เช่น อาคาร ยูนิต และชั้นบางห้องของอาคาร แทนที่จะปิดพื้นที่ใกล้เคียงทั้งหมดหรือทั้งเมือง รวมถึงพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงควรออกจากการล็อกดาวน์ภายในเวลา 5 วัน หากไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ นอกจากนี้ โรงเรียนควรเปิดการเรียนการสอนต่อไปหากไม่มีการระบาดในวงกว้าง
คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนยังออกข้อกำหนดในการล็อกดาวน์ ไม่ให้มีการปิดกั้นทางหนีไฟและทางออกฉุกเฉิน และประชาชนสามารถเข้าถึงการรักษาทางการแพทย์ฉุกเฉินได้ หลังจากก่อนหน้านี้มีรายงานเหตุเพลิงไหม้ในอาคารที่มีการล็อกดาวน์จากภายนอก ส่งผลให้มีประชาชนในอาคารเสียชีวิตจำนวนมากจากเพลิงไหม้ในมณฑลซินเจียง นับเป็นการจุดประกายการประท้วงทั้วประเทศ ระหว่างวันที่ 26-28 พ.ย.ที่ผ่านมา
เป็นเวลาเกือบ 3 ปีแล้วที่จีนจัดการกับการระบาดของโควิด-19 ในระดับโรคที่อันตรายเทียบเท่ากับกาฬโรคและอหิวาตกโรค โดยแต่ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว เจ้าหน้าที่ระดับสูงรวมถึง สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เริ่มออกมาแสดงท่าทีว่าเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนมีความรุนแรงน้อยลงในปัจจุบัน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญของจีนแนะนำว่า โควิด-19 มีความอันตรายไม่มากไปกว่าไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล
ก่อนหน้านี้ ทางการจีนสั่งให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 และผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ ต้องถูกส่งตัวเข้าค่ายกักกันโรค นโยบายดังกล่าวส่งผลให้ประชาชนชาวจีนเกิดความไม่พอใจ เนื่องจากเป็นนโยบายการแยกสมาชิกครอบครัวออกจากกัน รวมถึงส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการดำรงชีวิตทั้งทางสังคมและเศรษฐกิจ
ทางการจีนโดนเฉพาะประธานาธิบดีจีน กำลังเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากการประท้วงของประชาชนจีนทั่วทั้งประเทศ สืบเนื่องจากความไม่พอใจต่อนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ซึ่งสีอ้างว่าเป็นไปเพื่อการรักษาชีวิตของประชาชนเป็นสำคัญ อย่างไรก็ดี มาตรการโควิดเป็นศูนย์ ซึ่งบังคับกฎการล็อกดาวน์อย่างรุนแรงและยาวนาน จนส่งผลให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน ทำให้ทั่วประเทศจีนเกิดการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่การประท้วงในเหตุการณืเทียนอันเหมินเมื่อปี 2532
หากจีนจะปรับตัวเข้าสู่การอยู่รวมกันกับเชื้อไวรัสโควิด-19 และกลับมาเปิดประเทศเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ รวมถึงจัดการกับความไม่พอใจของประชาชน ทางการจีนจะต้องเดินหน้าการฉีดวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและครอบคลุม โดยเฉพาะในบรรดาประชากรผู้สูงอายุ อย่างไรก็ดี ทางการจีนยังไม่ยอมรับการใช้วัคซีน mRNA ของตะวันตกแทนการใช้วัคซีนเชื้อตายที่ผลิตในประเทศตัวเอง
ทั้งนี้ การคลายล็อกดาวน์ของจีนอาจส่งผลให้จีนพบกับตัวเลขการติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างเป็นประวัติการณ์ และระบบสาธารณสุขของจีนอาจรองรับผู้ป่วยได้ไม่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงตรุษจีนที่จะถึงของเดือน ม.ค.นี้ ที่ประชาชนจีนจะเดินทางไปทั่วทั้งประเทศ ซึ่งจะทำให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อที่ขยายวงกว้างมากกว่าเดิม และการติดเชื้อจะย้อนกลับมาเป็นการตั้งคำถามต่อความชอบธรรมของสี ในฐานะประธานาธิบดีจีนที่จะปกครองประเทศต่อในวาระที่ 3 อย่างเป็นทางการในช่วงต้นปีหน้า