ต่างประเทศ
ยูเครนดุ! รัสเซียเสียพื้นที่ในลูฮานสก์ หลังกองทัพยูเครนยึดดินแดนบางส่วนคืนได้
อย่างไรก็ดี มีรายงานเปิดเผยว่าในวันนี้ (20 ก.ย.) กองทัพยูเครนสามารถยกทัพและยึดคืนบางพื้นที่ในภูมิภาคลูฮานสก์ หลังจากที่กองทัพของรัสเซียสามารถครอบครองภูมิภาคดอนบาส ซึ่งประกอบไปด้วยพื้นที่โดเนตสก์และลูฮานสก์ ซึ่งถูกรุกรานโดยรัสเซีย ภายใต้ข้ออ้างว่าเป็น “ปฏิบัติการพิเศษทางการทหาร” เมื่อช่วงเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา หลังจาก วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย สั่งถอยทัพออกจากรอบกรุงเคียฟ
ตลอดช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา กองทัพรัสเซียได้ยิงถล่มเมืองกูเปียนสก์ ส่งผลให้มีประชาชนหลายร้อยรายต้องลี้ภัยหนีระเบิด อย่างไรก็ดี กองทัพยูเครนเปิดเผยว่าตนสามารถควบคุมพื้นที่ดังกล่าวได้แล้วเมื่อช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา (16 ก.ย.) โดยจากรายงานของสถาบันศึกษาสงครามระบุว่า รัสเซียล้มเหลวในการส่งกำลังเสริมของตน โดยขณะนี้รัสเซียกำลังตกอยู่ภายใต้แรงกดดันและความเปราะบางต่อการตอบโต้ยูเครน
เซอร์ฮีย์ ฮายดาย ผู้ว่าการลูฮานสก์ของยูเครนเผยว่า ผู้นำของกลุ่มกบฏที่อ้างว่าตนเองเป็นสาธารณรัฐประชาชนลูฮานสก์ ตกอยู่ในอาการตื่นตระหนก โดยมีรายงานจำนวนมากระบุว่า กองทัพกบฏลักตัวชายตามถนน และเกณฑ์พวกเขาเข้ากองทัพ ทั้งนี้ การสื่อสารเคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ถูกตัดขาด เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้คนได้ยินข่าวเกี่ยวกับความพ่ายแพ้ทางทหารของรัสเซีย
โวโลดีเมอร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ออกมาระบุว่า รัสเซียกำลังทำปฏิบัติการด้วยความประมาท จากการสั่งยิงห่างไป 300 เมตร จากพื้นที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในเขตมิโคไลฟทางตอนใต้ โดยขีปนาวุธทำให้อาคารเสียหาย ทั้งนี้ สายไฟ 3 เส้นหลักของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ปิฟเดนโนเครนสก์ถูกตัดลงชั่วคราว พร้อมกันนี้ เซเลนสกียังได้กล่าวโจมตีปูตินว่ากำลังทำการก่อการร้ายด้วยนิวเคลียร์ และกำลังขู่กรรโชกยูเครน ก่อนขอร้องให้ประชาคมโลกเข้ามาแทรกแซงเหตุดังกล่าว
ยังมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของยูเครนอีกแห่งที่พื้นที่ซาปอริซเซีย ซึ่งเป็นโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป และอยู่ห่างจากพื้นที่มิโคไลฟทางตะวันออกประมาณ 250 กิโลเมตร ถูกสั่งปิดในเดือนนี้ เนื่องจากการทิ้งระเบิดของรัสเซีย ส่งผลเกิดความกังวลเกี่ยวกับภัยพิบัตินิวเคลียร์ที่อาจเกิดขึ้น
อย่างไรก็ดี รัสเซียและยูเครนต่างกล่าวโทษซึ่งกันและกันในเหตุถล่มยืงที่โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซีย ซึ่งถูกกองกำลังรัสเซียเข้ายึดครองอยู่ โดยทหารรัสเซียได้ใช้พื้นที่ดังกล่าว เพื่อใช้ในการโจมตีเมืองนิโกปอลและมาราเนท ที่ยูเครนควบคุมพื้นที่ดังกล่าวอยู่
ที่มา:
