ไม่พบผลการค้นหา
ชัชชาติ ตรวจเยี่ยมศูนย์พักคอยหลังไฟไหม้บ่อนไก่ สั่งเขตทำศูนย์ประสานงานให้เข้มข้น สอดรับทุกความต้องการทุกช่วงวัย เล็งติดตั้งถังดับเพลิงแดง-สอนชุมชนดับไฟตั้งแต่ต้นทาง สั่งรองฯ ทวิดา ประชุมถอดบทเรียน เตรียมสรุปผลบ่ายวันนี้

เวลา 10:00 น. ที่ศูนย์เยาวชนชุมชนพัฒนาบ่อนไก่ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. รุดเยี่ยมผู้ประสบภัยหลังเหตุเพลิงไหม้ชุมชนบ่อนไก่วานนี้ (21 มิ.ย.) โดยได้กล่าวถึงแนวทางการดูแลประชาชนภายในศูนย์พักคอยหลักจากนี้ว่า ต้องโฟกัสที่รายละเอียดแล้ว เพราะความต้องการของผู้ประสบภัยแต่ละคนไม่เหมือนกัน 

เช่น เด็กเล็ก อายุตั้งแต่ 2 เดือน ถึง 4 ขวบกว่า ต้องดูเรื่องแพมเพิร์ส นม ให้ดี ลำดับถัดมาก็เป็นเด็กนักเรียน ต้องดูเรื่องเครื่องแบบ อุปกรณ์การเรียน เพราะอยากให้เรียนหนังสือได้อย่างต่อเนื่อง คนวัยทำงานไม่น่าเป็นห่วงมาก เพราะมีแหล่งงาน มีเครื่องแบบในการทำงานให้อยู่แล้ว ส่วนผู้สูงอายุ บางส่วนต้องใช้ยารักษาโรคต่อเนื่อง ก็หายไปกับไฟ รวมทั้งผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยทางจิตเวช ก็ต้องมาดูแล

ทั้งนี้ ชัชชาติ เห็นว่า ในภาพรวมที่ศูนย์พักคอยยังขาดห้องอาบน้ำอยู่ สำนักงานเขตต้องมีศูนย์ประสานงานกลางที่เข้มข้นขึ้น เพราะเมื่อคนนำของมาบริจาคเยอะ ยังมีความไม่แน่ใจว่าจะครบถ้วนทุกรายการหรือไม่ 

ส่วนเรื่องเร่งด่วนตอนนี้ คือ การจัดหาที่อยู่อาศัยในอนาคต คนส่วนมากเช่าบ้านในราคา 1500-2000 บาทต่อเดือน ดังนั้นต้องหาที่อยู่อาศัยใหม่ให้ในราคาใกล้เคียงกันและไม่ไกลจากจุดเดิม เพราะจากการพูดคุยกับประชาชน พบว่าหลายคนมีแหล่งงานใกล้บ้าน ส่วนผู้อยู่อาศัยเจ้าของที่ดิน อาจจะได้รับค่าชดเชยจากเหตุเพลิงไหม้ สามารถนำมาลงทุนปลูกบ้านใหม่ได้ 

“ขอขอบคุณประชาชนจำนวนมากที่บริจาคสิ่งของเข้ามา เห็นได้ชัดว่าพวกเราไม่ทิ้งกันในเวลายากลำบาก ยืนยันตนพักผ่อนเพียงพอ ไม่มีปัญหา ส่วนเสียงที่แหบ ก็แหบตามสภาพ” ชัชชาติ กล่าว

ส่วนเรื่องการดับเพลิง ชัชชาติ ระบุว่า ชุมชนบ่อนไก่เป็นชุมชนแออัด ล้อมรอบด้วยถนน มีประปาหัวแดง 3 จุดก็จริง แต่มีอุปสรรคในการลากสายออกไปฉีดน้ำดับเพลิง เพราะต้องผ่านตรอกซอกซอย ไม่สามารถฉีดข้ามเข้ามาในชุมชนได้ เพราะหลังคาบ้านเรือนเป็นสังกะสี ลักษณะการดับเพลิงจึงต้องลากเข้ามาฉีดจ่อที่ต้นเพลิงคือตัวบ้านที่เป็นไม้ จากนี้ อาจจะต้องให้ความสำคัญเพิ่มเติมในส่วนของถังดับเพลิงแดงที่จะสามารถดับตั้งแต่ต้นทางได้ โดยต้องมีการฝึกชาวบ้านให้เข้าใจวิธีการใช้เบื้องต้น

ชัชชาติ กล่าวต่อว่า ปัญหาอย่างหนึ่งที่พบเมื่อวานนี้ขณะเกิดเหตุ คือ มีผู้สูงอายุจำนวนมากอาศัยอยู่ในบ้านพักช่วงกลางวัน ขณะที่คนหนุ่มสาวออกไปทำงานหมด เพราะฉะนั้นจึงไม่ค่อยมีผู้ที่สามารถเผชิญเหตุได้ซึ่งช่วงเวลาสำคัญคือ 8 นาทีแรกในการเกิดเหตุ ในส่วนนี้ตนได้สั่งการให้ ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ กทม. มาติดตามลงพื้นที่ในช่วง 11:00 น. ประชุมหารือถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และจะสรุปผลภายในบ่ายวันนี้

“ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่ากำลังใจเพราะชีวิตขอฃผู้ประสบภัยเปลี่ยนภายในเสี้ยวนาที สิ่งที่หาและเก็บออมมาทั้งชีวิตต้องหมดไป เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดเพราะฉะนั้น ตอนนี้ถ้าช่วยอะไรได้ก็จะต้องช่วย” ชัชชาติ ระบุ

ทั้งนี้ ชัชชาติ ได้พูดคุยกับตัวแทนจากการไฟฟ้านครหลวงที่เข้ามาตรวจสอบผู้ประสบภัย โดยฝากให้ช่วยประสานเรื่องไฟฟ้าในพื้นที่ เนื่องจากมีบางจุดที่โดนตัดไฟจากเหตุไฟไหม้และช่วงกลางคืนมืดสนิท เพื่อให้ไฟได้กลับมาสว่างอีกครั้ง หรือช่วยตรวจสอบความเรียบร้อยจากการที่ต้องพ่วงไฟมาใช้