ไม่พบผลการค้นหา
'ชัชชาติ' ล่องเรือสำรวจคลองมหาสวัสดิ์ รับข้อเสนอแผนป้องกันน้ำท่วม 'เสรี' เพื่อประชาชนมีส่วนร่วมมากขึ้น เสนออนาคตต้องผันน้ำผ่านจังหวัดอื่น ให้กรมชลประทานเป็นตัวกลาง สร้างความสมดุลระบายน้ำ ย้ำต้องลงพื้นที่เพื่อให้เห็นปัญหาหลังจากติดตามสถานการณ์ที่ศูนย์สั่งการ ด้านกรมชลประทาน ยืนยันปี 65 น้ำไม่ท่วมเหมือนปี 54 เฝ้าระวังปริมาณฝนอย่างใกล้ชิด

วันที่ 17 ก.ย. 2565 ที่โรงเรียนกุศลศึกษา วัดชัยพฤกษมาลาฯ เขตตลิ่งชัน ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประชุมร่วมกับ เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ ม.รังสิต และธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา กรมชลประทาน เพื่อเตรียมการป้องกันและลดผลกระทบน้ำท่วม โดยมีแผนรับมือตั้งระยะสั้น-กลาง-ยาว

โดยในระยะสั้น มีข้อเสนอถึงผู้ว่าฯกทม. ดังนี้ 1.จัดตั้งศูนย์อำนวยการบริหารจัดการน้ำส่วนหน้าเขต โดยมีผู้อำนวยการเขตเป็นหัวหน้าศูนย์ ประสานกับคนในท้องถิ่นได้อย่างใกล้ชิด 2.ให้ผู้อำนวยการเขตติดตามสถานการณ์ฝน น้ำท่า น้ำเสีย ประเมินความพร้อมและรายงานทั้งก่อน ขณะ และหลังเกิดเหตุน้ำท่วมตามความจำเป็นเร่งด่วน 3.ให้ผู้ว่าฯ กทม. บัญชาการเหตุการณ์ ติดตาม ตรวจสอบ ให้เป็นไปตามข้อสั่งการ และชี้แจงกับประชาชน และประสานกับหน่วยงานภายนอกเพื่อช่วยลดผลกระทบ

ส่วนแผนระยะกลาง และระยะยาว ได้เสนอว่า 1.ให้ผู้อำนวยการเขต หน่วยงานต่างๆ และภาคประชาชน หาพื้นที่หน่วงน้ำ พื้นที่สีเขียว ถังเก็บน้ำ และการระบายน้ำในพื้นที่ รวมทั้งประเมินการใช้พื้นที่เพื่อนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนตามมาตรฐานสากลร่วมกัน 2. ให้ผู้ว่าฯ กทม. บูรณาการแนวทางการทำงานร่วมกับผู้ว่าฯจังหวัดในลุ่มน้ำ รวมถึงหน่วยงานต่างๆ 3. นำเสนอเป็นวาระแห่งชาติต่อรัฐบาล เรื่องการเตรียมการป้องกันน้ำท่วมชายฝั่งจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นในอนาคต

ด้าน เสรี กล่าวว่า จากการคาดการณ์สถานการณ์ในช่วงหลังจากนี้ ฝนจะตกมากขึ้น ส่งผลให้สถานการณ์น้ำท่วมนั้นจะหนักกว่าปีที่ผ่านมา โดยในเดือนตุลาคม ถึงพฤศจิกายน ปริมาณฝนจะเพิ่มขึ้น ทำให้หลายพื้นที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงในพื้นที่ภาคใต้จะเจอน้ำท่วมนานกว่าทุกที่ ส่วนวันที่ 17-22 ก.ย.ที่กรมอุตุคาดการณ์นั้น มองว่า ผอ.เขตก็จะต้องเตรียมความพร้อมด้วย

ทั้งนี้ เสรี ชี้แจงว่า กรณีที่เกิดเหตุการณ์ฝนตกทั่วกทม. ผู้ว่าฯ กทม. ไม่จำเป็นต้องตระเวนไปทุกพื้นที่ แต่ให้เป็นศูนย์กลางในการสั่งการ กำชับให้ผู้อำนวยการเขตดำเนินการ เพียงแค่ ผู้ว่าฯ อาจจะไปลงพื้นที่ในเขตที่มีข้อจำกัดหรือสถานการณ์รุนแรงได้ 

พร้อมกล่าวชื่นชม ชัชชาติ ที่มีแผนที่ชัดเจน และเห็นถึงความตั้งใจ เชื่อว่าจะทำให้ประชาชนเกิดความสบายใจมากขึ้น แต่อนาคตข้างหน้าเป็นเรื่องไม่แน่นอน แต่ ชัชชาติ ได้รับปากจะวางรากฐานไว้ให้

ด้าน ชัชชาติ ระบุว่า ก่อนจะลงพื้นที่ทุกครั้ง ตนก็จะไปติดตามสถานการณ์ที่ศูนย์สั่งการก่อน และเมื่อสั่งการแล้ว จึงลงพื้นที่ไปให้กำลังใจหน้างาน และไปให้เห็นปัญหาต่างๆโดยเฉพาะอุปกรณ์และทรัพยากรของ กทม. 

2975552.jpg

นอกจากนี้ ยังกล่าวว่า สภาพภูมิอากาศนั้นเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ในครึ่งเดือนแรกของกันยายน กทม. ฝนเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 50 ดังนั้น ต้องไปปรับปรุงแผนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม แต่ไม่ได้กังวลกับน้ำเหนือ ห่วงแค่ปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่กรุงเทพที่ค่อนข้างมาก ดังนั้น การระบายน้ำเฉพาะจุดในระยะสั้นๆต้องเร่งทำ 

ส่วนเรื่องข้อเสนอให้เอาประชาชนมาเป็นส่วนร่วมในการชี้ปัญหา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ไปแก้ไข ถือเป็นสิ่งที่ดีเพราะจะทำให้เกิดการแก้ไขปัญหาได้ดีขึ้น และกทม.ก็จะต้องสนับสนุนทรัพยากร เช่น กระสอบทรายต่างๆ รวมถึงการให้ข้อมูลน้ำในพื้นที่ที่จะต้องไปพัฒนาและการร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการให้การช่วยเหลือ

อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมา กทม.ผันน้ำแค่ภายในกทม. แต่ในอนาคตต้องผันน้ำให้ผ่านจังหวัดอื่นด้วย โดยให้กรมชลประทานเป็นตัวกลาง เพราะเห็นภาพรวมมากกว่า และเพื่อให้เกิดการสมดุลในการระบายน้ำ และผู้ว่าฯจังหวัด ต้องแสดงความร่วมมือ โดยหลังจากนี้ กทม.จะเป็นเจ้าภาพในการหารือร่วมกับพื้นที่ปริมณฑล 

2975545.jpg

ส่วนสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ลาดกระบัง เริ่มดีขึ้น ระดับน้ำลดลงเท่ากับระดับควบคุม เหลือเพียงพื้นที่ย่อยๆในชุนชนที่เป็นปัญหา จะต้องไปดูแล เพราะมีน้ำเข้าไปค้างและออกไม่ได้ โดยจะต้องเอาเครื่องสูบน้ำเข้าไปสูบน้ำออกจากพื้นที่

ด้าน ธเนศร์ ในฐานะผู้แทนกรมชลประทาน กล่าวเพิ่มเติมว่า 4 เขื่อนหลักลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ยังสามารถ รับน้ำได้อีกกว่า 1 หมื่นล้านลูกบาศก์เมตร แตกต่างกับปี 2554 ที่ในช่วงนี้เหลือเพียง 3,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้ยังสามารถกักเก็บน้ำได้ ขออย่าวิตกมากเกินไป

ส่วนปริมาณฝนในปีนี้ ถ้าเทียบกับปี 2554 ยัง แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ และปีนี้ ยังไม่มีพายุเข้ามาที่ประเทศไทย แต่ยังต้องเฝ้าระวังในอีก 1 เดือนหลังจากนี้ว่าจะมีพายุเพิ่มหรือไม่ รวมถึงดูน้ำเหนือที่จะมาเติมด้วย 

ทั้งนี้ กรมชลประทาน ยังได้ร่วมระบายน้ำในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ในหลายพื้นที่ เช่น ลาดกระบัง มีนบุรี หนองจอก ได้ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำลงสู่คลองใหญ่และคลองย่อย ซึ่งหลังติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำแล้วก็ช่วยทำให้ระดับน้ำที่ลาดกระบังลดลงอย่างรวดเร็ว รวมถึง บริเวณสถานีสูบน้ำท่าถั่ว ทำให้น้ำในพื้นที่เขตประเวศและใกล้เคียงลดลง หากช่วง 3-4 วันนี้ฝนไม่ตกมาเติมจะสามารถพร่องน้ำได้ 

กรมชลประทาน ยังต้องติดตามเฝ้าระวังพื้นที่ที่อยู่ท้ายเขื่อนอย่างใกล้ชิด โดยจะไปวิเคราะห์สถานการณ์ และการระบายน้ำไม่ให้ส่งผลกระทบประชาชนมากที่สุด ทั้งนี้ หากปริมาณฝนตกไม่เกินค่าเฉลี่ยสามารถรับมือได้ อต่หากตกเกินก็มีความจำเป็นที่จะต้องระบายออก ยืนยันว่า มีการประสานงานกับ กทม.และพื้นที่รอยต่อปริมณฑลอย่างต่อเนื่อง

จากนั้น ทั้งหมดได้ลงเรือสำรวจจุดฟันหลอ รวมทั้งสภาพน้ำและที่อยู่อาศัยบริเวณคลองมหาสวัสดิ์ เพื่อวางแนวทางป้องกันน้ำท่วมต่อไป