วันที่ 16 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณี สามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ออกมาโจมตีนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท จนถูกตั้งข้อสังเกตว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับ สมศักดิ์ หรือไม่นั้น

สมศักดิ์ กล่าวยืนยันว่า ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน และไม่ได้พูดคุยกัน ส่วนจะต้องป้องปราม สามารถ หรือไม่นั้น คงไม่ไปป้องปรามอะไร เพราะปัจจุบันไม่ได้อยู่พรรคเดียวกัน เป็นเรื่องสามัญสำนึกของแต่ละคน ที่จะพิจารณาดู 

ส่วนกรณีผลสำรวจนิด้าโพล พบว่าหากพรรคเพื่อไทยไม่ทำนโยบายนี้กระแสความชื่นชอบจะลดลง นั้นเชื่อว่า พรรคการเมืองหากคิดนโยบายใดแล้ว ก็ต้องมั่นใจว่าเป็นเรื่องที่ดี มีการคิดกันอย่างรอบคอบและไม่ใช่เรื่องคะแนนเสียงอะไรทั้งสิ้น เป็นเรื่องของการบริหารจัดการนโยบายมากกว่า

ชง ครม. ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 3 จว.ชายแดนใต้ 3 เดือน 

สมศักดิ์ กล่าวถึงความคืบหน้าการขยาย ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ที่ประชุมมีมติสรุปว่าจะปรับลดพื้นที่ฉุกเฉินลงอีก 3 อำเภอ แต่ปรับเพิ่มที่ อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส ซึ่งหากคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ จะคงเหลือ 20 อำเภอที่ยังคงใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 

ซึ่งถือเป็นข่าวบวกให้กับประชาชน โดยเสนอขยายไปอีก 3 เดือน ทั้งนี้ตนดูจากข้อมูลและสถิติ เป็นปกติเช่นนี้ไปจนถึงปีใหม่ จะสามารถปรับลดพื้นที่ได้อีก 5-10 อำเภอ ซึ่งหลังปีใหม่จะมีการประชุมอีกครั้ง แต่ทั้งหมดนี้อยู่ที่ ครม.จะพิจารณา เพราะเป็นไปตามข้อกฎหมายที่ต่ออายุได้ไม่เกินครั้งละ 3 เดือน

สำหรับเหตุผลที่ประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ อ.ศรีสาคร อีกครั้ง ก็ดูจากสถิติ เพราะถ้าไม่ประกาศพื้นที่ศรีสาคร ก็คงต้องยกเลิกพื้นที่อื่นทั้งหมด ดังนั้นต้องเชื่อสถิติ จะทำให้เป็นมาตรฐานว่ามีแนวคิดอย่างไร 

ขณะที่แนวคิดการปรับแก้ไข พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อใช้ทดแทน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในอนาคต หากต้องยกเลิกทั้งหมดนั้น ขณะนี้ยังไม่มีการพิจารณาขอรวบรวมข้อมูลศึกษาในช่วง 3 เดือนต่อจากนี้ไป