นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวที่พรรคการเมืองออกมากดดันให้ 4 รัฐมนตรีในรัฐบาลที่ร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐลาออกจากตำแหน่งว่า รัฐมนตรี 4 คน หากดูจากประวัติ คุณสมบัติ การศึกษา และการทำงานตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมาจะเห็นว่าทั้ง 4 คนเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพ หากต้องการมาทำงานการเมืองให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น จึงเป็นสิ่งที่เราควรสนับสนุนใช่หรือไม่ เพราะการเมืองไทยคนรุ่นใหม่ไม่กล้าเข้ามาเพราะกลัวเดือดร้อนและเจ็บตัว จึงหันหลังให้กับการเมือง และการที่ทั้ง 4 รัฐมนตรีอาสาเข้ามาทำงานการเมืองถือเป็นสิ่งที่ดี จึงควรต้อนรับและยังถือเป็นตัวอย่างให้คนรุ่นหลังเข้ามาร่วมงานมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองใดก็ตาม หากมีคนรุ่นใหม่หลากหลายอาชีพเข้ามา ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีทั้งนั้น
ส่วนที่มีการมองว่ารัฐมนตรี 4 คนลงเล่นการเมืองจะสร้างความได้เปรียบทางการเมืองหรือไม่นั้น นายสมคิด กล่าวว่า รัฐมนตรีทั้ง 4 คนได้ระบุชัดเจนแล้วว่าสามารถตรวจสอบได้ แต่การเปิดตัวครั้งนี้เนื่องจากเงื่อนไขของเวลา และขณะนี้การเมืองยังไม่เกิดจึงต้องรอเวลาที่เหมาะถึงจะลาออกจากตำแหน่งได้ หากทำอะไรไม่ถูกต้องก็เสี่ยงต่อการทำผิดกฏหมายได้ ดังนั้น เมื่อกฏหมายไม่ได้ห้ามจึงไม่ใช่สิ่งที่ผิดปกติ ดังนั้น จึงควรติดตามดูว่าจะดำเนินการอะไรต่อจากนี้ ซึ่งตลอดการทำงานในขณะนี้ก็ต้องทำงานอย่างเต็มที่ หากจะให้ลาออกจากตำแหน่งในขณะนี้จะส่งผลกระทบกับโครงการต่างๆ ที่กำลังเดินหน้าอยู่ อาทิ โครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) การผลักดันสตาร์ทอัพและโครงการธงฟ้าประชารัฐ เป็นต้น
ส่วนเรื่องอื่นที่นอกเหนือจากงานราชการก็เป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่งทั้งหมดอยู่ที่การปฏิบัติของแต่ละคน ส่วนการแสดงความคิดเห็นของคนอื่นถือเป็นเรื่องปกติ
นายสมคิด ยืนยันว่า ตนเองไม่ได้วางตัวในตำแหน่งใดๆ ในพรรคพลังประชารัฐ เพราะยังไม่ทราบอนาคต หากคนเหล่านี้ตัดสินใจทำงานการเมือง ตนเองก็พร้อมสนับสนุนคนดี มีคุณภาพเข้ามาทำการเมือง ไม่ว่าจะเป็นพรรคใดก็ตาม จะได้เปลี่ยนแปลงการเมืองไปสู่ทิศทางที่ดีขึ้น ไม่เช่นนั้นก็จะวนอยู่กับการเมืองเก่าๆ ที่มีแต่การขัดแย้งกัน จึงถึงเวลาที่ต้องก้าวข้ามเรื่องเหล่านี้ไปได้แล้ว ขณะเดียวกัน ส่วนตัวอายุ 65 ปีแล้ว จึงเป็นเวลาที่คนรุ่นใหม่ต้องเข้ามา และการเมืองไม่ใช่การเข้ามาเพื่อหาอำนาจแต่ต้องเข้ามาทำงานให้บ้านเมืองดีขึ้น
ส่วนที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ ในฐานะว่าที่เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ระบุว่านายสมคิดเป็นที่ปรึกษาทางใจนั้น นายสมคิด ระบุว่า ส่วนตัวเป็นที่ปรึกษาทางใจให้คนเป็นจำนวนมาก เพราะมีลูกศิษย์เยอะ ใครมาหาก็ให้คำแนะนำและชี้ช่องทางที่ดี เพราะชี้ให้คนทำไม่ดีไม่เป็น ทั้งนี้ พรรคพลังประชารัฐจะเป็นทางเลือกให้กับประชาชนได้หรือไม่นั้น เชื่อว่าทุกพรรคเป็นตัวแทนของประชาชน และทุกพรรคมีจุดเริ่มต้นจากการเป็นเพื่อนกัน ไม่มีพรรคใดเป็นศัตรูกัน เพราะทุกคนตั้งใจทำเพื่อบ้านเมือง จึงอยากให้แข่งขันกันด้วยนโยบายและขออย่าขัดแย้งกันอีก ขณะเดียวกัน หากเลือกพรรคพลังประชารัฐไม่จำเป็นต้องได้ความต่อเนื่องในเรื่องนโยบายจากรัฐบาลนี้
นายสมคิด ยังปฏิเสธว่า ตนเองไม่ใช่กุนซือของพรรคพลังประชารัฐ และขออย่าไปจินตนาการกันเองว่าพรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง