ไม่พบผลการค้นหา
จีนได้เปลี่ยนแปลงประเทศตัวเองและโลกอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และยังวางแผนจะเป็นประเทศอันดับหนึ่งของโลกอีกด้วย โดยจีนในยุค 5.0 นี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการเมือง เทคโนโลยี และกฎหมายด้วย

ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไทยได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากเงินทุนและนักท่องเที่ยวจากจีน ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงมหาศาลที่เกิดขึ้นภายในจีน และจีนยุค 5.0 นี้ก็จะทำให้จีนก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจโลกอย่างสมบูรณ์ จนทุกประเทศต้องปรับตัวให้เข้ากับจีนยุคใหม่นี้ด้วย

ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและผู้เขียนหนังสือ China 5.0 อธิบายเหตุผลที่เขาเรียกว่าเป็นจีนยุค 5.0 ว่า ขณะนี้ การเมืองจีนอยู่ภายใต้ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีนรุ่นที่ 5 คือนายสีจิ้นผิง นโยบายเศรษฐกิจในยุคนี้ก็แตกต่างไปจากทิศทางที่นายเติ้งเสี่ยวผิง อดีตประธานาธิบดีจีนที่เคยปฏิรูปเศรษฐกิจนำพาจีนเข้าสู่สมัยใหม่ นอกจากนี้ จีนยังต้องการขึ้นมาเป็นผู้นำเทคโนโลยี 5.0 นั่นคือ ปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ

ทั้งนี้ การศึกษาเกี่ยวกับจีนจะต้องเข้าใจบริบทและความเชื่อมโยงในมิติต่างๆของจีน เข้าใจว่าจีนมีความซับซ้อน และยังต้องพยายามเข้าใจวิธีคิดของจีน ในขณะที่ตะวันตกมักมองเรื่องต่างๆแยกกัน เพิ่งจะได้ศึกษาเรื่องนั้นโดยเฉพาะ คนจีนกลับมองเรื่องต่างๆ เชื่อมโยงกันทั้งหมด การจะเข้าใจจีนก็ต้องเข้าใจทั้งเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ เทคโนโลยี และกฎหมายไปพร้อมๆกัน

การเมือง 5.0

ผู้ช่วยศาสตราจารย์วรศักดิ์ มหัทธโนบล ผู้อำนวยการศูนย์จีนศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มองว่าการที่สภาประชาชนจีนแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ไม่มีกำหนดวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ทำให้คนหลากหลายวงการเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพราะตรงข้ามกับความตั้งใจของนายเติ้ง ที่สรุปบทเรียนจากยุคเหมาว่า การที่ผู้นำผูกขาดอำนาจโดยไม่มีวาระ ทำให้ผู้นำรุ่นต่อมาไม่มีเวลาเตรียมตัว ดังนั้น การกำหนดวาระการดำรงตำแหน่งจะช่วยแก้ไขปัญหานี้ และทำให้ประชาชนรู้สึกว่าไม่มีใครครอบครองอำนาจแต่เพียงผู้เดียว

ผศ.วรศักดิ์ เชื่อว่าเหตุผลที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดของการแก้ไขรัฐธรรมนูญรวบอำนาจเข้าสู่พรรคคอมมิวนิสต์มากขึ้น เพราะเมื่อปี 2008 ที่จีนเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ มีข่าวว่ากองทัพไม่เชื่อฟังหูจินเทา ประธานาธิบดีจีนสมัยนั้น ทั้งที่พรรคคอมมิวนิสต์ต้องมีอำนาจเหนือกองทัพ นายสีจึงพยายามปฏิรูปกองทัพและกระชับอำนาจของพรรคคอมมิวนิสต์ แต่นายสีน่าจะเน้นปกครองโดยกฎหมาย ไม่ใช่ทำให้คำพูดของตัวเองเป็นกฎหมายเหมือนกับช่วงที่นายเหมาเจ๋อตุงเป็นประธานาธิบดี

เหมา เจ๋อ ตุง สีจิ้นผิง จีน 00_11D03U.jpg

ในขณะที่หลายฝ่ายอาจต้องว่าการยกเลิกวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจีนจะเป็นเรื่องของการเหลิงอำนาจของนายสี แต่ผศ.วรศักดิ์ระบุว่า การจะแก้ไขรัฐธรรมนูญได้จะต้องผ่านสภาประชาชนที่มีสมาชิกอยู่หลายร้อยคน ความทะเยอทะยานของนายสีจึงไม่น่าเป็นเหตุผลหลักของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดแต่เป็นเพราะทั้งกองทัพ พรรคคอมมิวนิสต์และรัฐบาลจีนเป็นพ้องกันว่า อนาคตที่สดใสของจีนจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อจีนมีอำนาจอธิปไตยโดยสมบูรณ์ คือต้องจัดการเรื่องไต้หวัน และพื้นที่พิพาททะเลจีนใต้ให้เรียบร้อย ซึ่งการจัดการเรื่องนี้ต้องมีความต่อเนื่อง ไม่เปลี่ยนผู้นำกลางคัน

ทะเลจีนใต้

กฎหมาย 5.0

ดร.อาร์ม ตอบข้อสงสัยว่าทำไมนายสีเลือกที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งได้ต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่มีวาระ ทั้งที่ตำแหน่งสูงสุดของจีนอย่างตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ไม่มีกำหนดวาระอยู่แล้ว ดร.อาร์มระบุว่า นายสีพยายามจะปกครองประเทศด้วยกฎหมาย โดยมองว่ากฎหมายเป็นเครื่องมือในการปกครองอย่างหนึ่ง ไม่ใช่การปกครองภายใต้กฎหมายแบบตะวันตก

การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่สำคัญมาก แต่สื่อต่างชาติไม่ค่อยพูดถึงก็คือการแก้ไขมาตรา 1 ของรัฐธรรมนูญให้มีการระบุชัดเจนว่าจีนนำโดยพรรคคอมมิวนิสต์ โดยก่อนหน้านี้ ไม่มีคำว่า พรรคคอมมิวนิสต์ระบุอยู่ในมาตราใดเลย มีปรากฏอยู่ในอารัมภบทเท่านั้น เพื่อให้พรรคคอมมิวนิสต์ขึ้นมาเป็นผู้ประสานงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ ซึ่งแนวคิดนี้สวนทางกับแนวคิดของนายเติ้งที่วางให้พรรคคอมมิวนิสต์อยู่เบื้องหลัง

สีจิ้นผิง

ขณะเดียวกัน ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา นายสีได้ปราบปรามการคอร์รัปชันอย่างหนักหน่วงด้วยกระบวนการของพรรคคอมมิวนิสต์ แต่นายสีต้องการให้คณะปราบปรามคอร์รัปชันเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของระบบทางการมากขึ้น

ดร.อาร์มมองว่า การเจริญเตอบโตอย่างรวดเร็วของจีนยังกระทบต่อกฎหมายเศรษฐกิจระหว่างประเทศอีกด้วย เพราะที่ผ่านมา กฎหมายระหว่างประเทศเป็นระเบียบโลกที่นำโดยสหรัฐฯ จีนจึงพยายามสร้างกระบวนการลักษณะนี้ขึ้นมาเป็นของตัวเอง เช่นการตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย หรือ AIIB การตั้งศาล Belt and Road ขึ้นมาเพื่อจัดการความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่โครงการ One Belt One Road ซึ่งจะทำให้จีนไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการของตะวันตก

เศรษฐกิจ 5.0

นายมาณพ เสงี่ยมบุตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายพัฒนาธุรกิจจีนของธนาคารไทยพาณิชย์กล่าวว่า ปัจจุบัน หากอยากประสบความสำเร็ตต้องสนใจจีน แม้ธุรกิจของเราอาจไม่เกี่ยวข้องกับจีนโดยตรง

นายมาณพ ระบุว่า ตลาดหุ้นและธุรกิจของจีนเป็นแบบนโยบายนำ ภาคธุรกิจจึงต้องสนใจเรื่องผู้นำจีนและนโยบายของจีนอย่างใกล้ชิด โดยช่วง 20 ปีที่ผ่านมา จีนเติบโตอย่างรวดเร็วด้วยการส่งออกสินค้าเป็นหลัก แต่พอมีวิกฤตเศรษฐกิจแฮมเบอร์เกอร์ก็ทำให้จีนก็ปรับนโยบายของตัวเอง และหันมาเน้นการลงทุนแทน โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน จนมีอัตราเติบโตถึงร้อยละ 30 และความเจริญที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วทำให้ชาวจีนมีฐานะดีขึ้น ในช่วง 5-7 ปีหลังมานี้ ชาวจีนชนชั้นกลางจึงเริ่มต้องการสินค้าที่มีคุณภาพมากขึ้น ส่งผลให้สินค้าบริโภคและบริการของจีนเติบโตขึ้นมาก

อย่างไรก็ตาม จีนยังคงเผชิญปัญหามลภาวะอย่างหนัก และการบริการ รวมถึงเรื่องสาธารณสุขก็ยังไม่ดีเท่าที่ควร เช่นเดียวกับเรื่องความปลอดภัยด้านอาหารและยา ดังนั้น นายมาณพมองว่าธุรกิจด้านบริโภค บริการ คุณภาพชีวิต สุขภาพความงามและสิ่งแวดล้อมยังเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มจะเติบโตต่อไปได้ และไทยก็จะมีโอกาสเข้าไปฉกฉวยส่วนแบ่งในตลาดเหล่านี้ได้

นายมาณพกล่าวว่า จีนเข้ามาลงทุนในอาเซียนไม่ถึงร้อยละ 10 ของเงินลงทุนทั้งหมด และมาไทยไม่ถึงร้อยละ 1 เท่านั้น แต่ยังมีโอกาสเติบโตได้อีก เพราะไทยก็เป็นประเทศที่มีศักยภาพ มีการส่งเสริมเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC และจีนก็หลีกเลี่ยงการกีดกันการค้าจากสหรัฐฯ แต่ไทยต้องตอบให้ได้ก่อนว่าจะเข้าไปเจาะเศรษฐกิจส่วนไหนของจีน พื้นที่แบบไหน และช่องทางใด

ไทยเล็งอบรมพนักงานนวดเพิ่ม รับนักท่องเที่ยว

เทคโนโลยี 5.0

นายอิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์ ผู้ร่วมก่อตั้งเว็บไซต์ Blognone กล่าวว่า ตลาดออนไลน์ในจีนเติบโตเต็มที่แล้ว หมายความว่าอัตราการเติบโตจะไม่สูงอย่างที่ผ่านมาแล้ว แต่พวกเขาจะออกไปเติบโตนอกประเทศมากขึ้น เช่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แถบลุ่มแม่น้ำโขงที่จีนมองว่าเป็นประเทศพี่น้อง

นายอิสริยะยกตัวอย่างว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคนี้เติบโตค่อนข้างเร็ว โดยอีคอมเมิร์ซที่คนใช้กันทั้ง 3 เจ้าในไทยล้วนเป็นอีคอมเมิร์ซที่บริษัทยักษ์ใหญ่ของจีน ทั้ง Lazada ของอาลีบาบา, Shoppee ก็มีบริษัทเทนเซนต์ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 30 และ JD-Central ก็เป็นการร่วมทุนกันระหว่างบริษัทเจดีและห้างสรรพสินค้าเซนทรัล

นายอิสริยะยังมองว่าที่ผ่านมา จีนต้องการควบคุมสื่อและเทคโนโลยีของจีน บริษัทต่างชาติที่ต้องการเข้าไปเจาะตลาดจีนค่อนข้างยาก ขณะเดียวกันจีนก็เน้นการลอกเลียนแบบแล้วพัฒนา มากกว่าการนำเข้าเทคโนโลยี อุตสาหกรรมเทคโนโลยีของจีนจึงเติบโตได้อย่างเต็มที่

หุ่นยนต์.jpg

นายอิสริยะยังตั้งข้อสังเกตว่า แผนการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อเป็นผู้นำด้านปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอก็เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายทางการเมืองของจีน เพราะเทคโนโลยีเอไอที่จีนให้ความสำคัญในช่วง 5-10 ปีนี้คือระบบจับคู่ภาพและเสียง ซึ่งทางการจีนได้มช้ระบบเอไอในการตรวจตราและเฝ้าระวังประชาชน ซึ่งแตกต่างกับตะวันตกที่ประชาชนเรียกร้องความเป็นส่วนตัวมากกว่า

นอกจากนี้ ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของจีนอย่าง ไป่ตู๋ อาลีบาบา และเทนเซนต์ก็มักให้ความร่วมมือที่จะเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญของทางการจีน เพราะรัฐบาลมีอำนาจในการควบคุมบริษัทเทคโนโลยีอย่างดี เช่น กรณีล่าสุดที่รัฐบาลไม่ยอมรับรองเกมใหม่ของเทนเซนต์ ทำให้ราคาหุ้นของเทนเซนต์ร่วงอย่างหนัก