นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่รัฐบาลจะคลายล็อกโดยไม่ปลดล็อก การให้เวลาหาเสียงเพียงเวลา 20 วัน เห็นเจตนาชัดเจนว่า ต้องการปิดประตูตีแมว เหมือนช่วงลงประชามติ รัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ผ่านมา เป็นการเอาเปรียบทางการเมืองอย่างมาก ภาษาอีสานเรียกว่า "ตีหน้ามึน" เอาเปรียบพฤติกรรมดังกล่าวถือว่าไม่เป็นกลาง ไม่เหมาะสมที่จะเป็นรัฐบาลรักษาการ เพื่อจัดการเลือกตั้งอย่างเสรีและเป็นธรรม ประเทศจะได้รับความเชื่อมั่นได้อย่างไร
"ขอให้รัฐบาลมองจากหลายมุม โดยเฉพาะหากมุมมองต่างประเทศ ใครจะกล้ามาทำการค้า การลงทุนกับประเทศที่ถูกควบคุมด้วยอำนาจพิเศษทุกกระเบียดนิ้ว แม้จะบริหารประเทศมาย่างเข้าปีที่ 5 และแม้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะตั้งตุ๊กตากำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ.62 แล้วก็ตาม แต่รัฐบาลยังไม่ปลดล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้ หากบ้านเมืองเป็นไปเช่นนี้ จะเกิดการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรมได้อย่างไร" นายชวลิต กล่าว
ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรี แสดงอารมณ์หงุดหงิดกับสื่อ ว่า อาจเป็นเพราะผลงานของรัฐบาล และ คสช.ยังไม่เป็นใจที่พอใจของประชาชนหรือไม่ จึงทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ อารมณ์เสียหงุดหงิดบ่อย เข้าทำนอง ยื้อก็พัง เลือกตั้งก็แพ้หรือไม่ โดยปรัชญาสื่อ คือ ฐานันดรที่ 4 ของสังคม ทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงให้กับประชาชน เป็นองค์กรหนึ่งที่มีหน้าที่สำคัญในการตรวจสอบการดำเนินการของรัฐ หากพบสิ่งไม่ชอบมาพากลก็จะนำไปสู่การตรวจสอบให้เปิดเผยกับประชาชนเจ้าของเงินภาษีในการพัฒนาประเทศ
"การหงุดหงิดอารมณ์เสียบ่อยๆ แม้จะบอกว่าเป็นบุคลิกเดิมของท่านผู้นำ แต่ประชาชนน่าจะไม่สบายใจที่ไปไล่สื่อออกจากทำเนียบเช่นนั้น เพราะเส้นทางการเข้ามาทำหน้าที่สื่อในทำเนียบ น่าจะมาอย่างถูกต้องตามขั้นตอน มีกฏกติกามารยาท ไม่ได้ฉีกกฏ หรือทำลายจริยธรรมวิชาชีพสื่อสารมวลชน หรือ ยึดอำนาจเข้ามาเป็นสื่อแต่อย่างใด ดังนั้นคนที่ไม่ควรเข้ามาในทำเนียบ เพราะมาโดยไม่ถูกต้องอาจไม่ใช่สื่อหรือไม่ ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของรัฐบาล ยังพอมีโอกาสในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำ แก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน ลดค่าครองชีพ แก้ปัญหาสินค้าเกษตรราคาตกต่ำ ให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้บ้าง" นายอนุสรณ์ กล่าว