วันที่ 25 ธ.ค. ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล และชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยทนายความเข้าไต่สวนพยานบุคคลในคดีที่ ธีรยุทธ สุวรรณเกษตร ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการกระทำของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในขณะที่เป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล และพรรคก้าวไกลเสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ม.112 ใช้เป็นนโยบายหาเสียง ถือเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่
โดย พิธา ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้ากระบวนการไต่สวนว่า จะใช้ข้อเท็จจริง และหลักกฏหมายในการชี้แจงว่า ในการเสนอนโยบายถูกต้องตามกฎหมาย และยืนยันว่า นโยบายดังกล่าวชอบด้วยกฎหมายและ ชอบด้วยรัฐธรรมนูญทุกประการ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่การล้มล้างการปกครอง ส่วนรายละเอียดขอชี้แจงในชั้นศาล
พิธา ยังยืนยันว่า ไม่หนักใจในการต่อสู้คดี เพราะมั่นใจในเจตนาของการกระทำและข้อเท็จจริง รวมถึงข้อกฎหมาย จะพยายามอธิบายให้ศาลเข้าใจ และเชื่อว่าจะได้รับความเป็นธรรม รวมถึงอธิบายต่อสังคมด้วย
ส่วนการเตรียมแผนรองรับนั้น พิธา เปิดเผยว่า ไม่ได้มีการเตรียมอะไรรองรับ เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการไต่สวน พร้อมย้ำว่า ตนจะพูดถึงเจตนาในการเสนอแก้กฎหมายเพื่อเป็นการลดวิกฤตการเมือง และเป็นทางสายกลาง ที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤติการเมืองตลอด 1 ทศวรรษ
พิธา ยืนยันว่า ผลคดีนี้ หากพิจารณาตามคำร้อง ไม่นำไปสู่การยุบพรรค แต่ตามคำร้องเข้าใจว่า ถ้าศาลชี้ออกมาไม่เป็นคุณ ก็ให้หยุดการนำเสนอนโยบายแก้ไข ม.112 เท่านั้น ไม่มีคำร้องที่จะนำไปสู่การยุบพรรค
ทั้งนี้ พิธายังแสดงความไม่กังวลว่า ผลของคำวินิจฉัยคำร้องนี้จะนำไปสู่การมีผู้ยื่นยุบพรรคอีกครั้งในภายหลัง ส่วนจะมีผู้ร้องต่ออีกหรือไม่ ให้เป็นเรื่องของอนาคต พร้อมย้ำว่า สามารถอธิบายได้ในข้อเท็จจริงของคดีนี้ ซึ่งสิ่งที่ทำไม่ใช่การล้มล้างการปกครองแต่อย่างใด
ด้าน ชัยธวัช กล่าวด้วยความมั่นใจว่า คดีดังกล่าวไปได้ไกลแค่ให้ยุติการกระทำ ส่วนเรื่องการชี้แจงหลักฐานต่างๆ ได้ยื่นเอกสารไป 2 รอบแล้วก่อนหน้านี้ จึงขึ้นอยู่กับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่า จะมีประเด็นไต่สวนอะไรเพิ่มเติม ซึ่งเรายืนยันทั้งข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย และเจตนาว่า การกระทำของพรรคก้าวไกลไม่ได้นำไปสู่การล้มล้างการปกครอง
ทั้งนี้ ชัยธวัช ยังเปิดเผยถึงการเตรียมการนโยบายหลังจากนี้ว่า ต้องดูในรายละเอียดคำวินิจฉัยอีกที ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้มีการเตรียมการอะไรไว้ เตรียมแค่การอภิปรายร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ที่จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้
พิธา ให้สัมภาษณ์ถึงผลสำรวจคะแนนนิยมทางการเมืองปี 2566 ของนิด้าโพล ซึ่งพบว่า ประชาชนยังสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี
พิธา กล่าวว่า ต้องขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ยังระลึกถึง และให้กำลังใจกันผ่านการทำโพล รวมถึงต้องขอขอบคุณเพื่อนๆ สส. พนักงาน และสมาชิกอาสาสมัครพรรคก้าวไกลที่ยังทำงานอย่างหนักหลังเลือกตั้ง และยังได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน
พิธา กล่าวอีกว่า ในเรื่องเกี่ยวกับการทำโพลความนิยมนั้น “ตอนขึ้นอย่าลง ตอนลงอย่าท้อ” แม้จะแค่ 2,000 คน ก็ต้องขอบคุณทั้ง 2,000 คน ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าประมาท หรือรู้สึกสบายใจว่า ไม่ต้องทำงานแล้ว แต่กลับยิ่งจะเป็นแรงผลักดันให้เราทำงานหนักเพื่อประชาชนมากยิ่งขึ้น