'มหาเธร์ โมฮัมหมัด' นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ประกาศว่ารัฐบาลจะพิจารณาทบทวนการอนุมัติวีซ่าอยู่อาศัยถาวรแก่ชาวต่างชาติที่ซื้ออพาร์ตเมนต์ในโครงการอสังหาริมทรัพย์ 'ฟอเรสต์ ซิตี้' ในรัฐยะโฮร์ ทางใต้ของมาเลเซีย ติดกับพรมแดนประเทศสิงคโปร์ โดยระบุว่า โครงการดังกล่าวเป็นการก่อสร้างที่พักอาศัยราคาแพงเพื่อชาวต่างชาติ แต่ปิดโอกาสเข้าถึงการมีที่อยู่อาศัยของประชาชนมาเลเซีย
เว็บไซต์บลูมเบิร์กรายงานว่าผู้ที่เข้ามาจับจองอพาร์ตเมนต์ในโครงการฟอเรสต์ซิตี้ช่วงปีที่ผ่านมา กลุ่มที่ใหญ่ที่สุด คือ ชาวจีน คิดเป็นร้อยละ 70 ของผู้ทำสัญญาจอง ตามด้วยอินโดนีเซีย ไทย และดูไบ ส่วนผู้ดำเนินการก่อสร้างและบริหารจัดการ คือ บริษัท คันทรี การ์เดน ซึ่งริเริ่มก่อสร้างโครงการฟอเรสต์ซิตี้ หนึ่งในนโยบาย 'บ้านหลังที่ 2' หรือ My Second Home ตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา
โครงการดังกล่าวตั้งเป้าว่าจะสร้างชุมชนพหุวัฒนธรรมขนาดใหญ่ที่มีทั้งชาวมาเลเซียและชาวต่างชาติอาศัยอยู่ร่วมกันบนเกาะเทียมขนาดใหญ่ 4 เกาะที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ สามารถรองรับผู้อยู่อาศัยได้ประมาณ 700,000 คน พร้อมด้วยอาคารพาณิชย์ โรงแรม สวนสาธารณะ ห้างสรรพสินค้า ที่พักอาศัย และโรงเรียนนานาชาติ
มหาเธร์ระบุว่า รัฐบาลคัดค้านโครงการนี้ เพราะเป็นโครงการที่คำนึงถึงชาวต่างชาติ แต่ไม่ได้คำนึงถึงชาวมาเลเซีย พร้อมระบุว่า ประชากรส่วนใหญ่ในประเทศไม่สามารถซื้อหาที่พักอาศัยในโครงการดังกล่าวได้เพราะมีราคาแพงเกินไป โดยบลูมเบิร์กรายงานเพิ่มเติมว่า ที่อยู่อาศัยในโครงการฟอเรสต์ซิตี้มีราคาสูงกว่าราคาอสังหาริมทรัพย์ทั่วไปถึง 2 เท่า ทั้งยังใช้งบประมาณในการก่อสร้างมากกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า โครงการฟอเรสต์ ซิตี้ ได้รับการอนุมัติให้ลงทุนได้ในสมัยของนายจิบ ราซัก อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งปัจจุบันถูกสอบสวนในคดีพัวพันการทุจริต และรัฐบาลปัจจุบันของมหาเธร์ประกาศว่าจะยกเลิก หรือไม่ก็จะระงับการอนุมัติวีซ่าให้แก่ชาวต่างชาติที่ซื้อที่อยู่อาศัยในโครงการนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากที่กลุ่มประชาสังคมในรัฐยะโฮร์รวมตัวคัดค้าน และระบุว่าการลงทุนครั้งนี้เอื้อผลประโยชน์ให้แก่ต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน ไม่ต่างอะไรกับการขายประเทศ
ขณะที่ 'คันทรี การ์เดน' ออกแถลงการณ์ยืนยันว่าโครงการก่อสร้างชุมชนฟอเรสต์ซิตี้ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และเป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมการลงทุน เพราะเป็นการวางรากฐานระบบสาธารณูปโภคเพื่อรองรับกลุ่มทุนจากต่างประเทศ จึงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีออกมาชี้แจงโดยละเอียดอีกครั้งหนึ่งว่าจะยกเลิกหรือระงับวีซ่าแก่ชาวต่างชาติที่ต้องการมาลงทุนในประเทศได้อย่างไร
ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่รัฐบาลภายใต้การนำของมหาเธร์สั่งระงับหรือยกเลิกโครงการลงทุนที่เคยได้รับอนุญาตสมัยอดีตรัฐบาล เพราะเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลของเขาเพิ่งประกาศระงับโครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายตะวันออกและการวางท่อก๊าซเชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างไม่มีกำหนด
ทั้งสองโครงการที่ถูกระงับไปโดยรัฐบาลมหาเธร์เกิดจากการผลักดันของรัฐบาลจีนภายใต้นโยบาย 'หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง' หรือ One Belt, One Road ที่นายสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน พยายามสร้างเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างจีนและประเทศต่างๆ ทั่วโลก ทั้งในและนอกเอเชีย
ภาพ: Afifi Zulkifle on Unsplash
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: