นายภาสกร บุญญลักษม์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย พล.ต.ฉลองชัย ชัยยะคำ รองแม่ทัพภาคที่ 3, พลตรีบัญชา ดุริยพันธ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 และพลเรือตรีอาภากร อยู่คงแก้ว ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ หรือ หน่วยซีล ร่วมแถลงข่าวชี้แจงความคื���หน้าการดำเนินการช่วยเหลือเยาวชนทีมหมูป่า อะคาเดมี และโค้ชทั้ง 13 คน ออกจากถ้ำหลวง 

โดยนายภาสกร กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. ของวันที่ 6 ก.ค. 2561 จ.อ.สมาน กุนัน อดีตหน่วยซีลที่เดินทางมาช่วยเหลือในปฏิบัติการในครั้งนี้ เสียชีวิตจากการขาดอากาศขณะปฏิบัติภารกิจลำเลียงถังอากาศจากโถง 3 เข้าไปภายในเนินนมสาวที่มีเยาวชนทีมหมูป่าทั้งหมด 13 คนอยู่ ซึ่งจากเหตุการณ์นี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีรับสั่งให้ดูแลการประกอบพิธีศพให้กับ จ.อ.สมาน อย่างสมเกียรติ พร้อมรับสั่งให้ดูแลครอบครัวของผู้เสียชีวิตอย่างดีที่สุด ซึ่งทางญาติจะนำศพไปประกอบพิธีทางศาสนาที่ จ.ร้อยเอ็ดต่อไป โดยรองผู้ว่าฯ ยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ที่ยังปฏิบัติหน้าที่ยังมีกำลังใจดี และเรื่องการสูญเสียเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้

ด้าน พลเรือตรีอาภากร อยู่คงแก้ว ผบ.หน่วยซีล เปิดเผยว่า เส้นทางเดียวที่สามารถเข้าถึงทีมหมูป่าทั้ง 13 คนได้คือการดำน้ำเข้าไป ซึ่งภายในโถง 3 มีการตั้งจุดบัญชาการไว้แล้ว จากโถงเข้าไปถึงจุดที่เรียกว่าเนินนมสาวมีระยะทางรวม 1.7 กิโลเมตร ตลอดเส้นทางเป็นน้ำทั้งหมด ใช้เวลาเข้า-ออก รวมกว่า 12 ชั่วโมง มีการวางแผนงานไว้แล้ว ไม่มีการทำโดยพลการ และตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป ทีมนักบอลเยาวชนไม่สามารถอยู่ในถ้ำได้นานตามที่เคยประเมินไว้ก่อนหน้า เจ้าหน้าที่จึงลำเลียงถังอากาศเข้าไปภายในถ้ำ 

โดยขณะนี้มีอดีตหน่วยซีลจำนวนไม่น้อยที่มาร่วมปฏิบัติภารกิจครั้งนี้ เช่น จ.อ.สมาน ที่เสียชีวิตเมื่อคืนนี้ เนื่องจากสภาพภายในถ้ำเป็นไปด้วยความยากลำบาก ขณะดำน้ำกลับออกมา จ.อ.สมาน เกิดหมดสติ คู่บัดดี้ได้พยายามปฐมพยาบาลเบื้องต้นและนำตัวมายังโถง 3 เพื่อปฐมพยาบาลต่อ และนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ จ.อ. สมาน ได้เสียชีวิตลง

อย่างไรก็ตาม ผบ.หน่วยซีลยืนยันว่า หน่วยซีลได้รับการฝึกฝนมาเพื่อทำงานในภาวะความเสี่ยงตลอดเวลาอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ว่าจะเจ็บป่วยหรือเสียชีวิต เป็นสิ่งที่ต้องเผชิญตลอดเวลา กำลังพลทั้งหมดยังไม่เสียขวัญ ยังคงมีความฮึกเหิมอยู่ ซึ่งตอนนี้ระยะเวลาเท่านั้นที่เป็นตัวกำหนด สำหรับปริมาณออกซิเจนภายในถ้ำตอนนี้ลดลงเหลือ 15 เปอร์เซนต์เท่านั้น แต่ยังมีแพทย์ดูแลทีมนักบอลทั้ง 13 คนอยู่ พร้อมยืนยันจะยังไม่ยกเลิกภารกิจการช่วยเหลือ แต่จะเลือกทางที่ปลอดภัยที่สุด

พลตรีฉลองชัย รองแม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวกับสื่อว่า จากสภาวะการที่ทราบกันอยู่ปัจจัยด้านเวลาเป็นตัวกำหนดให้เจ้าหน้าที่ต้องปรับเแผนการดำเนินงานกันต่อเนื่อง เวลานี้สิ่งเร่งด่วนที่สุดคือลำเลียงถังอากาศเข้าไปภายในถ้ำ จึงขอความร่วมมือสื่อมวลชนและประชาชนไม่กีดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ เพื่อให้การขนย้ายต่างๆ เป็นไปด้วยความรวดเร็ว 

ด้านการพร่องน้ำในถ้ำและเบี่ยงทางน้ำนั้น พลตรีบัญชา ดุริยพันธ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 37 เปิดเผยว่า การพร่องน้ำยังคงดำเนินการกันต่อเนื่อง ตอนนี้น้ำออกน้อยลงแล้ว แสดงว่าน้ำในถ้ำลดลง และจะพยายามหาตาน้ำต่อไป พร้อมกับเบี่ยงทางน้ำต่อเนื่อง โดยตอนนี้สามารถเดินเข้าถึงโถงที่ 3 ได้แล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

• 'จ่าสิบเอก อดีตหน่วยซีล' หมดสติ เสียชีวิตในถ้ำหลวง 1 ราย
• เร่งสร้างฝาย-เบี่ยงทางน้ำเพิ่ม จนกว่าจะเคลื่อนย้าย 13 นักบอลได้ปลอดภัย