ไม่พบผลการค้นหา
นายกรัฐมนตรี พบปะประชาชนจังหวัดระนอง ย้ำลงพื้นที่เพื่อแก้ปัญหาที่สะสมในช่วงที่ผ่านมา ไม่ได้มาเพื่อทำการเมือง พร้อมชี้แจงกรณีสั่งแก้ปัญหาจราจร ไม่ได้หมายความว่าต้องสำเร็จใน 3 เดือน เพราะไม่ใช่เรื่องที่แก้ได้ง่าย

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดระนอง เพื่อพบปะประชาชน ก่อนประชุม ครม.ที่จังหวัดชุมพรในวันพรุ่งนี้ เพื่อเป็นสักขีพยาน เพื่อมอบสมุดประจำตัว ผู้ที่ได้รับการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน ตามนโยบายรัฐบาลในลักษณะแปลงรวม ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ “ป่าคลองลำเลียง - ละอุ่น” เนื้อที่ 511 – 3 – 33 ไร่ จำนวน 84 ราย 98 แปลง 

นายกฯ ยันลงใต้ไม่หวังผลการเมือง

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อแก้ปัญหาที่สะสมมาอย่างยาวนาน และกังวลภาคการเกษตรที่นับว่าราคาสินค้ายิ่งลดลง จึงต้องมีการแปรรูปเพิ่มมูลค่าสินค้า และเชื่อมโยงเศรษฐกิจ พัฒนาระบบโลจิสติกในพื้นที่ภาคใต้ เชื่อมโยงอย่างไรรอยต่อ ทั้งทางน้ำ ทางบก ทางอากาศ ยืนยันการลงพื้นที่วันนี้ไม่ได้มาเพื่อการเมือง แต่มาดูติดตามความคืบหน้า โครงการพัฒนาต่างๆ ที่อยู่ในแผนและจัดอันดับความสำคัญ โดยไม่จำเป็นต้องขอถ้ามีเหตุผลและจำเป็น พร้อมอนุมัติ โดยการพัฒนาซึ่งแผนการพัฒนาจังหวัดระนอง จะมีการขยายท่าเรือเพื่อเชื่อมต่อ กลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจภูมิภาคอ่าวเบงกอ ส่วนระบบขนส่งทางราง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รถไฟไทยมีมาตั้งแต่ ร.5 มีระยะทาง 2,000 กิโลเมตร แต่วันนี้รัฐบาลวางแผนทำทางรถไฟ ทั้งทางคู่ และพัฒนาต่อๆไป ให้ครบ 4,000 กิโลเมตร ทั่วประเทศ ถือว่าแตกต่างมากไม่เหมือนที่ผ่านมา

'ประยุทธ์' ติงสื่อเสนอข่าวแก้ปัญหาจราจร

นายกรัฐมนตรี ยังได้ชี้แจงและตำหนิสื่อมวลชน ที่เสนอข่าวว่าจะแก้ปัญหาจราจรให้ได้ภายใน 3 เดือน ซึ่งส่วนตัวไม่ได้หมายความว่า ปัญหาจราจรจะแก้ให้สำเร็จได้ภายใน 3 เดือน แต่เป็นการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาวิธีการ เพราะข้อเท็จจริง ไม่มีใครสามารถแก้ปัญหา เพราะตนไม่ใช่ตำรวจจราจร ได้ใน 3 เดือน ไม่ว่าจะเป็นเทวดาหรือคอซู่เจียง (เจ้าเมืองระนอง ต้นตระกูล ณ ระนอง) ก็ทำไม่ได้

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ไม่ทะเลาะกับใคร ยกเว้นมีใครมาทะเลาะกับตนเอง และยืนยันอีกว่าการลงพื้นที่ครั้งนี้ ไม่ได้หวังผลทางการเมือง เพราะถ้าหวังผลทางการเมือง คงลงพื้นที่ตั้งแต่ปีแรกที่เข้ามา แต่ในช่วงนั้นรัฐบาลต้องรบและแก้ปัญหาความขัดแข้ง การประท้วง ของคนในประเทศ ดังนั้นขออย่าให้เกิดขึ้นอีก เพราะไม่เช่นนั้นสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้ทำตลอดสี่ปีที่ผ่านมาจะสูญเปล่า การเมืองต่อจากนี้ต้องสร้างสรรค์ แม้จะแข่งขัน แต่ต้องไม่ทำลาย ไม่เช่นนั้นปัญหาทุกอย่างจะกลับมาที่ตนเองอีก ที่สำคัญทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ไม่ว่าคนจน คนรวย ตำรวจ หรือ ทหาร เพราะในประเทศทั้งคนดี และไม่ดี 

นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่ารัฐบาลนี้ไม่เคยรังแกใคร ทุกอย่างดำเนินการตามกฎหมาย ปัญหาเก่าดำเนินการแก้ไข แต่ของใหม่ต้องไม่เกิดขึ้นอีก ซึ่งในอนาคตประชาชนจะต้องเลือก รัฐบาลเข้ามาดำเนินการตามหลักที่ถูกต้อง และต้องคอยตรวจสอบการทำหน้าที่ของพวกเขาเหล่านี้ด้วย 

อย่างไรก็ตาม ระหว่างแนะนำ ครม. ให้ประชาชนที่มาฟังนโยบายนายกรัฐมนตรี ได้อ่านนามสกุลพลเอกฉัตรชัย เพราะในเอกสารที่จังหวัดจัดเตรียมไว้พิมพ์นามสกุลผิด เป็นพลเอกฉัตรชัย จาตุศรีพิทักษ์ ซึ่งเป็นนามสกุลของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ซึ่งได้สร้างเสียงหัวเราะให้กับประชาชนที่เดินทางมา ทำให้บรรยากาศเป็นไปด้วยความชื่นมื่น

อ่านเพิ่มเติม