ไม่พบผลการค้นหา
ศาลแขวงพระนครเหนือนัดฟังคำพิพากษาคดีที่ รักชนก ศรีนอก ถูกกล่าวหาว่าหมิ่นประมาท อัญชะลี ไพรีรัก และ กนก รัตน์วงศ์สกุล สองพิธีกรช่องท็อปนิวส์ 29 ม.ค.

28 ม.ค. 2567 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (29 ม.ค. 2567) 9.00 น. ศาลแขวงพระนครเหนือนัดฟังคำพิพากษาคดีของ “ไอซ์” รักชนก ศรีนอก สส. เขตบางบอน-หนองแขม พรรคก้าวไกล กรณีถูกกล่าวหาว่าหมิ่นประมาท อัญชะลี ไพรีรัก และ กนก รัตน์วงศ์สกุล สองพิธีกรช่องท็อปนิวส์ จากกรณีปราศรัยวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของสื่อมวลชน ใน #ม็อบ6มีนา64 ของกลุ่มรีเด็ม ที่บริเวณหน้าศาลอาญา

ทั้งนี้ หากศาลแขวงพระนครเหนือพิพากษาว่ารักชนกมีความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 นี้ ให้ลงโทษจำคุก โดยไม่รอลงอาญา และไม่อนุญาตให้ประกันตัวในวันดังกล่าว จะถือว่ารักชนกต้องคําพิพากษาให้จําคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล ซึ่งจะขาดคุณสมบัติการเป็น สส. ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98(6) โดยทันที

สำหรับคดีนี้ ย้อนกลับไปวันที่ 22 เม.ย. 2564 อุดร แสงอรุณ ผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ทั้งสอง ได้ยื่นฟ้องรักชนก โดยตรงต่อศาลแขวงพระนครเหนือ ในข้อกล่าวหา “หมิ่นประมาท” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 บรรยายฟ้องโดยสรุปว่า เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2564 ขณะที่จำเลยร่วมชุมนุมทางการเมืองทำกิจกรรมที่หน้าศาลอาญา จำเลยได้พูดใส่ความโจทก์ด้วยข้อความอันเป็นเท็จต่อบุคคลที่สามด้วยการตะโกนพูดกับ อิทธิพัทธ์ ปิ่นระโรจน์ ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์เนชั่นช่อง 22 ที่กำลังรายงานสดการชุมนุมถ่ายทอดออกอากาศในรายการข่าวข้นคนข่าวว่า

“พวกเราขอประณาม ถึงแม้พวกเราไม่มีสิทธิมีเสียงเท่าสื่อแต่เราบอกเลยว่าเราจะพยายามทำยังไงก็ได้ ให้เสียงคนธรรมดา พี่คะ เราเข้าใจว่าพี่ต้องทํางาน แต่ที่หนูต้องออกมาพูด เพราะเนชั่นทําร้ายระบบประชาธิปไตยมานาน เนชั่นทําข่าวบิดเบือน ยิ่งตอนที่เจ๊ปอง กับตอนที่กนกเป็นพิธีกร ยุยงปลุกปั่นให้ประชาชนเกลียดกันเอง นําเสนอเฟคนิวส์ทุกอย่าง ถ้าพี่ทํางานที่นี่อยู่ หนูคงต้องแสดงความเสียใจกับพี่ด้วย พี่เลยต้องโดนด่าแบบนี้”

“ช่อง 3, ช่อง 5, ท็อปนิวส์ จําไว้เลยถ้าพวกคุณยังเสนอข่าวแบบนี้อยู่ วันหนึ่งที่มีการสลายการชุมนุมแล้วมีคนตาย พวกคุณนั่นแหละ พวกคุณที่ไม่นําเสนอข่าวความจริงมีส่วนต้องรับผิดชอบในส่วนนี้ทั้งหมด สื่อที่บิดเบือนถ้าประชาชนบาดเจ็บหรือล้มตายขึ้นมา พวกคุณนั่นแหละที่เป็นเครื่องมือให้รัฐใช้ความรุนแรงกับประชาชน เราขอบคุณถ้าสื่อไหนรายงานตามความจริง พวกเราขอบคุณมาตลอด พวกเราติดตาม พวกเรารู้ แต่ถ้าสื่อไหนบิดเบือน เราก็รู้เช่นกัน และถ้าวันหนึ่งมันเกิดเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยขึ้นมาจากการสลายชุมนุมเสื้อแดง 53 ที่สื่อพยายามประโคมข่าวตลอดมาว่าผู้ชุมนุมใช้ความรุนแรง ผู้ชุมนุมเป็นพวกหัวรุนแรงมีอาวุธ นั่นแหละ มันคือสิ่งที่สร้างความชอบธรรมให้รัฐสลายการชุมนุม ใช้กระสุนจริงกับผู้ชุมนุม สื่อทุกคนที่รายงานบิดเบือน จําไว้เลยพวกคุณก็เป็นส่วนหนึ่งเหมือนกัน ที่ทําให้เสื้อแดงต้องตาย 99 ศพ”

ในคำฟ้องระบุว่า คำว่า “เจ๊ปอง” และ “กนก” หมายถึงโจทก์ทั้งสอง เป็นพิธีกร ยุยงปลุกปั่นให้ประชาชนเกลียดกันเอง นำเสนอเฟคนิวส์ (ข่าวเป็นเท็จ) ทุกอย่าง ข้อความดังกล่าวเป็นเท็จ ไม่เป็นความจริง ความจริงแล้วตลอดระยะเวลาที่โจทก์เป็นผู้จัดรายการทางสถานีโทรทัศน์ช่องเนชั่น โจทก์ไม่เคยเสนอข่าวที่เป็นการยุยงปลุกปั่นให้ประชาชนเกลียดกันหรือเสนอข่าวที่เป็นเท็จ (เฟคนิวส์) โจทก์ในฐานะพิธีกรเสนอข่าวที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา นำเสนอข่าวเป็นไปตามจรรยาบรรณของสื่อมวลชนที่ถูกต้องตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น 

โจทก์ยังอ้างว่า การกระทำของจำเลยที่เป็นการใส่ความโจทก์ซึ่งข้อความอันเป็นเท็จหรือฝ่าฝืนต่อความจริง อันเป็นการจงใจทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียง เกียรติยศ ทางทำมาหาได้ ฐานะทางสังคม และทางเจริญอื่น ๆ ของโจทก์ และทำให้เกิดความรู้สึกเกลียดชังโจทก์ ส่งผลให้โจทก์มีรายได้ลดลง โจทก์จึงขอใช้สิทธิเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งจากจำเลย โดยให้จำเลยชำระเงินค่าเสียหายจำนวน 1,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยจะชำระครบถ้วน