เกรตเชน วิทเมอร์ ผู้ว่าการรัฐมิชิแกนในสหรัฐอเมริกา ประกาศภาวะฉุกเฉินช่วงค่ำวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งตรงกับช่วงเช้าวันที่ 20 พ.ค. ตามเวลาไทย พร้อมสั่งเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือประชาชนกว่า 10,000 คน จาก 3,500 หลังคาเรือนใน 'มิดแลนด์เคาน์ตี' อพยพจากพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม หลังเขื่อน 2 แห่ง พังในเวลาไล่เลี่ยกัน

เขื่อนที่พัง ได้แก่ เขื่อนอีเดนวิลล์ และ เขื่อนแซนฟอร์ด ทำให้มวลน้ำทะลักท่วมถนนและพื้นที่สาธารณะ ส่วนสาเหตุที่เขื่อนพังเกิดจากฝนตกกระหน่ำในพื้นที่ต่อเนื่องกันหลายวัน ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำทิเทอบอว์ซีซึ่งอยู่ระหว่างที่ตั้งเขื่อนทั้งสองแห่งเพิ่มสูงขึ้น เมื่อผนวกกับมวลน้ำที่ไหลจากเขื่อน อาจทำให้น้ำท่วมสูงเป็นประวัติการณ์ โดยสำนักงานอุตุนิยมวิทยาประเมินว่าระดับน้ำอาจสูงถึง 3 เมตร

เจ้าหน้าที่หน่วยฉุกเฉินได้ตระเวนแจ้งเตือนประชาชนตามบ้านเรือนต่างๆ พร้อมช่วยเหลือในการอพยพคนไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราว แต่ผู้ว่าการรัฐสั่งให้เฝ้าระวังความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวดควบคู่กัน เพราะสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ภายในสหรัฐฯ ยังไม่พ้นภาวะวิกฤต

สำนักข่าว CNN และ Reuters รายงานว่า เจ้าหน้าที่และผู้อพยพหนีน้ำท่วมได้รับคำสั่งให้สวมหน้ากากอนามัย พร้อมปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเคร่งครัด 

เขื่อนเก่าอันตราย กระจายตัวทั่วรัฐ

รายงานของ CNBC/ AP ระบุด้วยว่า เขื่อนอีเดนวิลล์สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1924 (พ.ศ.2467) ส่วนเขื่อนแซนฟอร์ดถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1925 (พ.ศ.2468) และอยู่ในความดูแลของบริษัทเอกชน โดยเป็นเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าพลังน้ำอายุเก่าแก่เกือบร้อยปีนี้ที่ไม่ได้รับการซ่อมบำรุงในช่วงหลายสิบปีหลัง

เมื่อปี 2561 คณะกรรมการกำกับดูแลด้านพลังงานแห่งชาติสหรัฐฯ ประเมินสภาพเขื่อนทั้งสองแห่ง พบว่า เขื่อนอีเดนวิลล์ 'ไม่ได้มาตรฐานด้านความปลอดภัย' พบปัญหาบริเวณทางน้ำล้น จึงถูกระงับใบอนุญาตประกอบการ แต่เขื่อนแซนฟอร์ดได้รับการประเมินว่า 'ยังอยู่ในสภาพใช้งานได้' แต่เมื่อเกิดฝนกระหน่ำต่อเนื่องในมิดแลนด์เคาน์ตีหลายวัน ก็ประสบปัญหาเขื่อนพังเช่นเดียวกัน

ซีเอ็นบีซีระบุด้วยว่า เขื่อน 19 แห่งในรัฐมิชิแกน ถูกประเมินว่า 'อันตราย' เพราะเสื่อมสภาพ เมื่อเกิดฝนตกกระหน่ำในพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา ทั้งยังมีคำเตือนเฝ้าระวังน้ำท่วม ทำให้มีการจับตามองเขื่อนที่อยู่ในข่ายเสื่อมสภาพทั้งหมด และตรวจพบเขื่อนพัง 2 แห่ง จนต้องสั่งอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ เพื่อป้องกันอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลัน

นอกจากนี้ ฝนที่ยังตกต่อเนื่องและน้ำท่วม ส่งผลกระทบในเขตปกครองอื่นๆ ทั่วรัฐมิชิแกน โดยที่เมืองดีทรอยต์มีประกาศเตือนประชาชนเฝ้าระวังน้ำท่วมเช่นกัน และห้ามประชาชนขับรถฝ่าน้ำท่วม แต่ยังไม่มีคำสั่งอพยพคนออกจากพื้นที่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

• เส้นทางการปฏิวัติเขื่อนในยุโรป คืนเส้นทางน้ำให้ฝูงปลา
• วิกฤตเขื่อนพังในลาวกับบทบาท 'แบตเตอรี่แห่งเอเชีย'
• ลาวระบุ เขื่อนแตกในอัตตะปือ เพราะความสะเพร่าของบริษัทก่อสร้าง