คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ปี พ.ศ.2560 ชี้แจงหลังถูกหลายฝ่ายโดยเฉพาะกลุ่มพรรคการเมืองวิจารณ์ในประเด็น อำนาจหน้าที่ของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในการเลือกนายกรัฐมนตรี
โดย กรธ. ระบุผ่านเฟซบุ๊กว่า อย่าได้บิดเบือน ยิ่งใกล้เลือกตั้ง ก็ยิ่งมีการกระจายข้อมูลที่บิดเบือน ข่าวเต้า หรือข่าวโกหก หรือ Fake news ใน social network อย่างกว้างขวางโดยหวังให้พี่น้องประชาชนเกิดความเข้าใจผิดเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง
เรื่องนี้ผิดทั้งศีลธรรมอันดีและผิดกฎหมาย นี่ขนาดยังไม่ได้เป็นผู้ใช้อำนาจรัฐยังโกหกพกลมกันขนาดนี้ ถ้าได้รับเลือกเข้าไปบริหารบ้านเมืองจะไม่ยิ่งไปกันใหญ่หรือ
ประเด็นหนึ่งที่มีการปล่อยของกันอย่างเมามันก็คือ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ได้หมกเม็ดกลไกการสืบทอดอำนาจไว้ด้วยโดยให้ ส.ว. มีสิทธิ์เลือกผู้จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีในช่วง 5 ปีแรกด้วย คงเพราะเห็นว่า กรธ. สิ้นสภาพไปแล้ว ไม่มีใครมาแถลงตอบโต้แน่ ๆ โยนให้ กรธ.เป็นแพะตามทฤษฎีสมคบคิดไปเลยดีกว่า
นี่เรียกว่านอกจากจะบกพร่องทางจริยธรรมมากแล้ว ยังผิดกฎหมายด้วย
ความจริงร่างรัฐธรรมนูญที่ กรธ. เสนอไปนั้น เสนอให้ ส.ส. เท่านั้นที่เป็นผู้เลือกนายกรัฐมนตรีจากผู้ซึ่งพรรคการเมืองได้ประกาศชื่อให้ประชาชนทราบตั้งแต่ตอนหาเสียงครับ เพื่อป้องกันมิให้มีการแอบไปงุบงิบกันเสนอใครก็ไม่รู้มาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ถ้าเลือกคนในบัญชีที่ประกาศไปแล้วไม่ได้เสียที กรธ. วางกลไกไว้ว่าก็ให้เสนอรัฐสภาพิจารณาอนุมัติให้เลือกจากผู้ซึ่งพรรคการเมืองไม่ได้เสนอชื่อได้ ถ้ารัฐสภาเห็นด้วย ก็ให้ ส.ส. เสนอชื่อและดำเนินการเลือกนายกรัฐมนตรีต่อไปได้
แต่ในชั้นการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ สภานิติบัญญัติแห่งชาติท่านได้เสนอให้ทำประชามติใน “คำถามพ่วง” ไปด้วย 1 คำถาม โดยคำถามพ่วงที่ว่านี้เขาถามว่า
“ท่านเห็นชอบหรือไม่ว่า เพื่อให้การปฏิรูปประเทศเกิดความต่อเนื่องตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ สมควรกำหนดไว้ในบทเฉพาะกาลว่า ในระหว่าง 5 ปีแรก นับแต่วันที่มีรัฐสภาชุดแรกตามรัฐธรรมนูญนี้ ให้ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภาเป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี”
ปรากฏว่าคำถามพ่วงนี้ได้รับเห็นชอบในการลงประชามติ 58.11% ไม่เห็นชอบ 41.89% ดังนั้น เมื่อผู้มีสิทธิ์ออกเสียงประชามติข้างมากเขาเห็นชอบ จึงต้องมีการปรับปรุงร่างรัฐธรรมนูญให้เป็นไปตามผลการออกเสียงประชามติในคำถามพ่วงนี้ ทั้งนี้ ข้อเท็จจริงนี้ได้ปรากฏอยู่ในวรรคสามของคำปรารภของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ด้วย
ดังนั้น ใครก็ตามที่ปล่อยข่าวว่า กรธ. ได้หมกเม็ดให้ ส.ว. มีสิทธิ์เลือกผู้จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีในช่วง 5 ปีแรกจึงบกพร่องทางจริยธรรมอย่างรุนแรง และเข้าลักษณะเป็นการชี้นำให้มีการเลือกหรือไม่เลือกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง อันเป็นการทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมด้วย ซึ่งผู้มีหน้าที่ตามกฎหมายเลือกตั้งคงต้องดำเนินการกับบุคคลเหล่านี้ให้เด็ดขาดเสียที
และควรเป็นหน้าที่ของ กกต. ที่จะต้องไต่สวนและสั่งระงับการบิดเบือนนี้โดยพลัน