พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปตรวจค้นคฤหาสน์หรูหลังหนึ่งในพื้นที่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี และจับกุมผู้ต้องหาชาวจีน จำนวน 2 คน ที่มีการสวมบัตรประชาชนเป็นชื่อคนไทย ว่า จากการตรวจค้นที่บ้านหลังดังกล่าวพบว่าหลักฐานสำคัญน่าจะมีการขนย้ายออกไปก่อนแล้ว
แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังพบหลักฐานอื่นๆที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีนี้ ส่วนที่ดินดังกล่าวจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เจ้าของที่ดินก็คือนายทุนจีนที่ตกเป็นผู้ต้องหา ซึ่งรายละเอียดอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน ส่วนกรณีว่าจะมีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายค้าอาวุธหรือไม่นั้น ก็ต้องรอการสืบสวนสอบสวนก่อน เนื่องจากบริษัทค้าอาวุธได้ปิดตัวไปแล้ว
พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ ยอมรับว่า ผู้ต้องหารายนี้ ไม่ได้อยู่ในบัญชีรายชื่อต้องสงสัยตั้งแต่แรก แต่มีผู้แจ้งเบาะแสมาว่ามีการทำธุรกิจหลายแบบ ตำรวจจึงเข้าไปติดตามพฤติกรรม จนสืบพบจากพยานแวดล้อม ทราบชื่อจากพาสปอร์ต และพบว่ามีการใช้บัตรประชาชนปลอม จึงมีการออกหมายจับและตรวจค้นบ้าน
ส่วนเส้นทางการเงินของผู้ต้องหาจะเชื่อมโยงกับแก๊งนายทุนจีน 5 เสือหรือไม่นั้น ผบ.ตร. ระบุว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ เพราะยังมีข้อมูลไม่เยอะ ส่วนการที่ผู้ต้องหาขนย้ายสิ่งของออกไปก่อนที่จะเข้าตรวจค้นนั้น ยังไม่ข้อสรุปว่าจะมีผู้เข้าไปช่วยเหลือหรือมีส่วนรู้เห็นหรือไม่ เพราะยังไม่อยากพาดพิงถึงใคร ขอรอให้ข้อมูลชัดเจนกว่านี้ก่อน อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหาทั้ง 2 คนที่จับกุมได้เมื่อวานให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะสาวถึงตัวการรายใหญ่ได้หรือไม่ ยืนยันว่าตำรวจจะทำเต็มที่
ผบ.ตร. ยังกล่าวถึงกรณีที่เพจสายไหมต้องรอด มีการเปิดเผยข้อมูลว่าพบบ่อนการพนันที่ จ.สมุทรปราการ และมีเหตุทะเลาะวิวาทกันที่บ่อนดังกล่าวจนมีผู้เสียชีวิต 1 ราย ว่า จากข้อมูลที่ได้รับรายงาน ยังยืนยันว่าสถานที่ดังกล่าวไม่ใช่บ่อน และก็ไม่ได้รับแจ้งเหตุว่ามีการยิงกัน แต่ก็ได้กำชับให้มีการตรวจสอบอีกรอบให้ชัดเจนเพื่อคลายข้อสงสัย ทั้งนี้ยังไม่ได้สอบถามข้อมูลเรื่องนี้ไปทางเพจสายไหมต้องรอด เพราะตอนนี้กำลังติดภารกิจเรื่องการเตรียมการประชุมเอเปค
เมื่อถามว่า หลังจากที่ ผบ.ตร.ได้พูดว่าไม่มีบ่อนในพื้นที่ แต่ต่อมาก็มีข้อมูลของบ่อนถูกเปิดเผยออกมาเรื่อยๆ จะสวนทางกันหรือไม่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ยอมรับว่า กลุ่มที่ลักลอบเล่นการพนันก็ยังคงมีอยู่ แต่ยืนยันว่าตนได้สั่งการไม่ให้มีบ่อนอย่างเด็ดขาด ถ้ามีก็ต้องดำเนินการจับกุมตามกฎหมาย และหากมีการแจ้งข้อมูลมาก็จะเข้าไปตรวจสอบ