ไม่พบผลการค้นหา
'สนธิญา' เข้าให้ปากคำ กกต.ปมร้องสอบ 'อิ๊งค์' บินพบพ่อฮ่องกง พ่วงเพิ่มประเด็นปราศรัยที่จ.อุดรฯพา 'ทักษิณ' กลับบ้านมาเลี้ยงหลาน อาจเข้าข่ายส่งเสริมการกระทำที่ผิดศีลธรรมอันดี โทษถึงยุบพรรค

วันที่ 16 ม.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) สนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการกฎหมายยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่าวันนี้ตนจะเข้าให้ปากคำ ต่อ กกต. กรณียื่นคำร้องของให้ตรวจสอบ แพทองธาร ชินวัตร หรืออุ๊งอิ้ง หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ที่เดินทางไปพบ ทักษิณ ชินวัตร ที่ฮ่องกง เมื่อช่วงปลายปี 65 รวมถึงจะมีการยื่นประเด็นเพิ่มเติม กรณี แพทองธาร ปราศรัยที่ จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยมีการระบุว่าจะพา ทักษิณกลับมาเลี้ยงหลานนั้น เข้าข่ายมาตรา 45 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 หรือไม่ ซึ่งมีการบัญญัติห้ามมิให้พรรคการเมืองหรือผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองกระทำการ หรือส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ใดกระทำการอันเป็นการก่อกวนหรือคุกคามความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน และขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 92 (3) หรือไม่ ซึ่งตามมาตรา 92 เขียนไว้ชัดเจนว่าหากทำผิดในมาตราหนึ่งมาตราใดที่กำหนดไว้ก็จะถึงขั้นยุบพรรค

สนธิญา กล่าวอีกว่าตนเคยยื่นเรื่องให้ กกต. วินิจฉัยกรณี น.ส.แพทองธาร ไปหานายทักษิณที่ฮ่องกง เมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่าพ่อลูกสามารถไปเยี่ยมกันได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่บุคคลหนึ่งบุคคลใดอยู่ในสถานะผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมือง แล้วไปแสดงพฤติกรรมกับบุคคลที่กระทำการอันขัดต่อศีลธรรมอันนดีของประเทศและประชาชนก็จะเข้าสู่กระบวนการกฎหมาย ที่จะต้องพิจารณาและวินิจฉัย ตนไม่ได้บอกว่าการกระทำของน.ส.แพทองธารผิด แต่ตนร้องเพื่อให้ไต่สวนการกระทำของบุคคลที่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมือง หรือผู้บริหารพรรคการเมือง เพราะ แพทองธาร เป็นประธานด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย และเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ถือเป็นตำแหน่งบริหารในพรรค ก็ต้องพึงระมัดระวัง เพราะหากมีการฝ่าฝืนมาตรา 45 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 จะนำไปสู่การพิจารณายุบพรรคได้ โดยวันนี้ กกต.ได้เรียกตนมาให้รายระเอียดในเรื่องดังกล่าว และตนจะนำเรื่องการปราศรัยของ น.ส.แพทองธาร เมื่อวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา รวมเข้าไปด้วย เพื่อให้กกต.พิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป

“เมื่อคืน อุ๊งอิ๊งค์ ได้ปราศรัยว่าเอาลุงกลับไป แต่เอาทักษิณกลับมา เพื่อที่จะเลี้ยงหลาน แต่ในความเป็นจริงวันนี้ไม่มีใครห้ามนายทักษิณกลับบ้าน ท่านสามารถกลับได้ตลอดเวลา แต่เมื่อกลับมาแล้วก็ต้องเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย ซึ่งสิ่งที่ชัดเจนคือ นายทักษิณถูกศาลพิพากษาจำคุกไปแล้ว 10 ปี ยังมีคดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาอีก 3-5 คดี ดังนั้นประเด็นที่ว่าจะเอากลับมาเลี้ยงหลาน คงไม่ได้เลี้ยงหลาน แต่ต้องติดคุกหรือถูกดำเนินคดีก่อน”

สนธิญา กล่าวอีกว่าจุดประสงค์ของตนคือ หลังจากนี้ 3 เดือนเราจะมีการเลือกตั้งใหญ่ ขณะนี้กระบวนการหาเสียงของพรรคการเมืองจะเข้มข้นขึ้นเป็นลำดับ เพราะฉะนั้นถ้า กกต.มีความชัดเจนเกี่ยวกับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ และพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ก็ต้องพึงระมัดระวัง เพราะเรื่องที่เป็นข้อห้ามตามมาตรา 45 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 สามารถนำไปสู่การยุบพรรคได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่ตนร้องเพื่อต้องการเป็นบรรทัดฐานที่แท้จริง