ไม่พบผลการค้นหา
'ศิริกัญญา' เผย คกก.เปลี่ยนผ่านฯ สรุปข้อเสนอส่งที่ประชุม 8 หน.พรรค ลงมติ 22 มิ.ย. นี้ รับมีคุยการเมืองหลัง กกต.รับรอง ส.ส.500 คน เพื่อประเมินกรอบการทำงาน แต่ยังไม่คุยจัดสรร ครม.พิธา 1 ด้าน 'เผ่าภูมิ' เผย 'เพื่อไทย' เสนอ 4 นโยบายเศรษฐกิจ มองเป็นโอกาสดีได้หาจุดร่วม เป็นความสวยงามของระบอบประชาธิปไตย

ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะคณะกรรมการประสานงานในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล แถลงผลการประชุมในครั้งที่ 2 ว่าข้อสรุปจะนำเสนอต่อที่ประชุม 8 หัวหน้าพรรคการเมือง วันที่ 22 มิ.ย. นี้ เพื่อขอมติก่อน ซึ่งวันนี้มีการหารือ 10 เรื่อง เช่น ภัยแล้ง เอลนีโญ การบริหารจัดการน้ำ อ่างเก็บน้ำ 

ส่วนคณะทำงาน SMEs ได้คุยเรื่องการส่งออกที่ชะลอตัว หนี้ครัวเรือน และการส่งเสริม SMEs คณะแก้ปัญหาฝุ่นPM 2.5 หารือเรื่องการออกกฎหมาย พ.ร.บ.อากาศสะอาด จัดทำแผนที่ความเสี่ยงไฟป่า และคณะทำงานดิจิดัลฯ หารือการส่งเสริมใช้ดิจิทัลในการทำงานรัฐบาล ความมั่นคงทางไซเบอร์ คณะทำงานด้านความเท่าเทียม มีการถกเถียงเรื่องการจัดการสวัสดิการต่างๆ คณะทำงานไฟฟ้าและพลังงาน มีข้อเสนอปรับลดค่าไฟและการจัดการต่ออายุเพื่อลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล คณะทำงานสามจังหวัดชายแดนใต้ พูดคุยเรื่องกระบวนการสร้างสันติภาพในระยะเวลาสี่ปีของรัฐบาล การจัดทำรธน. ปชช. และเรื่องการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประชาขน ได้กำหนดโร้ดแมปแต่ละพรรค ที่นำไปสู่การตั้ง ส.ส.ร. ที่มาจากเลือกตั้ง 

ทั้งนี้คณะกรรมการประสานงานในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ได้กำหนดเวลาที่จะปิดตัวลงเมื่อมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ โดยจะประชุมครั้งสุดท้ายหลังประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเลือกประธานสภาฯและรองประธานสภาฯแล้ว ก่อนจะแจ้งคณะย่อยจัดทำรายงานสรุปเพื่อรายงานที่ประชุมพรรคร่วมอีกครั้ง

สำหรับ MOU 23 ข้อ จะเป็นภาพใหญ่ในการจัดทำนโยบาย โดยจะต้องลงรายละเอียดแต่ละกระทรวง และต้องได้รับความเห็นชอบจากแต่ละพรรคในการนำเสนอความเป็นเจ้ากระทรวง อาจจะเพิ่มเติมจาก 23 ข้อของ MOU แต่จะต้องไม่ขัดแย้งกัน เพราะทั้งหมดจะต้องนำเสนอต่อหัวหน้าพรรคอีกครั้ง

พร้อมยอมรับว่า ในที่ประชุมวันนี้ มีการหารือ สถานการณ์การเมือง หลังกกต.รับรองส.ส.ทั้ง 500 คน โดยมองว่า เป็นทำหน้าที่ได้อย่างรวดเร็ว และรับรองครบ500คนในเวลาเดียวกัน ทำให้กระบวนการต่างๆทำได้รวดเร็วมากขึ้น วันนี้จึงได้พูดคุยเรื่องปฏิทินการเมือง เพื่อประเมินกรอบการทำงานของคณะกรรมการเปลี่ยนผ่าน และในการประชุมในวันนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องการจัดสรร ครม.พิธา 1

ด้าน เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้คณะกรรมการฯได้รับฟังข้อเสนอและผลศึกษาของคณะย่อยเป็นประโยชน์ในการทำงานร่วมกัน เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชน

ในส่วนของพรรคเพื่อไทย ได้เสนอ 4 นโยบาย ของพรรคต่อที่ประชุมและมอบหมายให้คณะทำงานย่อยไปศึกษาเพิ่มเติม คือ 1. นโยบายเขตธุรกิจใหม่ของพรรคเพื่อไทยเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหา การอนุญาต การแก้กฎหมาย ซึ่งเพื่อไทยมีโมเดลที่จะเข้าไปเติมเต็ม แก้ไขปัญหาด้านกฎหมายที่จะส่งเสริมเอสเอ็มอี ในเขตธุรกิจใหม่นำร่อง 4 พื้นที่ คือ เชียงใหม่ ขอนแก่น กรุงเทพ และสงขลา 

2.เรื่องค่าแรงขั้นต่ำ ที่พรรคเพื่อไทยมีความเห็นว่าควรเซ็ตเป้าหมายในระยะไกลออกไปคือปี 2570 ที่เพื่อไทยประกาศว่าค่าแรงจะอยู่ที่ 600 บาท เพื่อให้ภาคเอกชนรู้ว่าในระยะยาวจะไปถึงจุดไหน นอกจากนี้ยังเสนออีกกลไก คือเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท คู่ขนานไปด้วย เป็นการยกระดับทั้งส่วนข่างและส่วนกลาง เป็นสองโมเดลที่ทำควบคู่กัน ทั้งนี้การขึ้นค่าแรงทำไม่ได้ถ้าไม่ดูแลภาคเอกชน และการดูแลภาคเอกชนที่ดีที่สุดคือการทำให้เศรษฐกิจขยายตัว จะทำให้ภาคเอกชนมีรายได้เพิ่มขึ้น มีความสามารถในการจ่ายค่าแรงเพิ่มขึ้น จึงสนับสนุนการขึ้นค่าแรงตามภาวะเศรษฐกิจ ตามรายได้ของประเทศ 

3.นโยบายการเข้าถึงแหล่งทุนของเอสเอ็มอี ซึ่งเป็นเรื่องที่เพื่อไทยและก้าวไกลเห็นตรงกัน ในการใช้กลไกค่ำประกันสินเชื่อ สนับสนุนให้เอสเอ็มอีเข้าถึงสินเชื่อมากขึ้น เพื่อปลดล็อกการเข้าถึงสินเชื่อของเอสเอ็มอี เพื่อไทยตั้งวงเงินไว้ 30,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของ บสย. ทั้งงบประมาณและประสิทธิภาพ 

และ 4.นโยบายตลาดทุน ซึ่งเพื่อไทยให้ความสำคัญกับการระดมทุน ปัจจุบันภาคเอกชนสามารถหาแหล่งทุนได้แค่ 2 แหล่งคือเงินกู้ธนาคารพาณิชย์และการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ทั้งสองกลไกจะต้องเดินควบคู่กันเพื่อไทยสนับสนุนการสร้างตลาดทุนให้แข็งแกร่ง มีหัวใจอยู่ที่สภาพคล่อง เพื่อจะเป็นแหล่งระดมทุนในการสร้างเศรษฐกิจประเทศ โดยตลาดทุนของพรรคเพื่อไทยยังมีตลาดทุนคู่ขนานในเรื่องของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ในการระดมทุนเพื่อสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลให้เกิดขึ้น นี่คือสี่นโยบายที่เพื่อไทยนำเสนอต่อที่ประชุม

เผ่าภูมิ ยังระบุว่า วันนี้เป็นโอกาสดีที่แต่ละนโยบาย ถูกเผยออกมาและพูดถึงข้อดี ข้อเสียหาจุดลงตัวร่วมกันเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชน ก่อนทิ้งท้ายว่านี่คือความสวยงามของระบอบประชาธิปไตย