นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้นั่นคือมีความพยายามจากนักการเมืองและฝ่ายที่สนับสนุนผู้มีอำนาจ ด้วยการชูว่าการรัฐประหาร เป็นวิธีที่เหมาะสมและเป็นทางออกให้กับสังคม โดยอ้างว่าไม่ได้เป็นการยึดอำนาจประชาชน แต่เป็นการช่วยกำจัดนักการเมืองที่ฉ้อฉลได้ ถึงขนานจะยก "ระบอบรัฐประหาร" ขึ้นมาเป็นทฤษฎีใหม่เพื่ออธิบายการเมืองของไทย ซึ่งเป็นการสร้างความเข้าใจผิดให้กับผู้คนในสังคม เพราะการรัฐประหารไม่ใช่เป็นสัญลักษณ์ของความถูกต้องและการทำลายประชาธิปไตยโดยสิ้นเชิง
“ความพยายามดังกล่าวเป็นเพียงเพียงวาทะกรรมทางการเมือง ที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นเพื่อสนับสนุนและสร้างความชอบธรรมให้กับผู้มีอำนาจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องและสร้างความเข้าใจที่ผิดๆให้กับสังคม ตรรกะย้อนแย้งและผิดเพี้ยนไปจากหลักการอย่างมาก”
นางลดาวัลลิ์ กล่าวอีกว่า ไม่อยากให้นักการเมืองใช้วาทะกรรมทางการเมืองเพื่อเบี่ยงเบนประเด็น เพราะผลพวงของการทำรัฐประหารทำให้ได้เผด็จการ ที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด มีอำนาจแต่งตั้งทั้งสภา ควบคุมองค์กรอิสระต่างๆ มีมาตรา 44 ที่สั่งหยุด สั่งปลด สั่งเปลี่ยน ทำทุกอย่างได้ ตรงกันข้ามประชาธิปไตยมีวาระสิ้นสุดตามธรรมชาติ ประชาชนมีสิทธิที่จะตัดสินใจใหม่ทุกๆ 4 ปี หากจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรจะอยู่ภายใต้กลไกปกติ มีการตรวจสอบ ซักค้านได้ และทุกครั้งหลังรัฐประหารก็จะเดินเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย ดังนั้นแล้วการใช้กลไกทางประชาธิปไตยแก้ไขปัญหาการเมืองจึงเป็นสิ่งที่ถูกต้องมากกว่าใช้วิธีการที่ไม่เป็นประชาธิปไตย