ไม่พบผลการค้นหา
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ลงพื้นที่ จ.อุตรดิตถ์ ดูสภาพน้ำในเขื่อนสิริกิติ์ พร้อมย้ำรัฐบาลเร่งแก้ปัญหาช่วยประชาชน ให้มีน้ำใช้เพียงพอ

นายประภัตร โพธสุธน ร.อ.ธรรมนัส   พรหมเผ่า และ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายมีศักดิ์ ภักดีคง รองปลัดกระทรวงเกษตรฯ นายสัญญา แสงพุ่มพวง ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการบริหารจัดการน้ำ กรมชลประทาน และข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ ต.ผาเลือด อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ พร้อมรับฟังการบรรยายสรุปด้านการบริหารจัดน้ำจากนายสมหวัง ปานสุขสาร ผู้อำนวยการโครงการชลประทานอุตรดิตถ์ สำนักงานชลประทานที่ 3 กรมชลประทาน โดยสรุปว่า จากสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ ล่าสุดมีปริมาณน้ำพร้อมใช้งานได้เหลือเพียง 503.46  ล้านลูกบาศก์เมตร หรือเท่ากับร้อยละ 7.56 สามารถรับน้ำได้อีก 6,156.54 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ คิดเป็นร้อยละ 64.74  อีกทั้งยังต้องระบายน้ำเพื่อด้านการ เพื่อการอุปโภคและบริโภค วันละ 19.0  ล้านลูกบาศก์เมตร

หากภายในเดือนสิงหาคมหรือเดือนกันยายน 2562 พายุฝนไม่เข้ามาเหนือเขื่อนสิริกิติ์ จะต้องประสบปัญหาวิกฤติการขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรงแน่นอน แม้ว่าจะปฎิบัติการทำฝนหลวงในพื้นที่ในเขตจังหวัดน่าน หรือเหนืออ่างเก็บน้ำของเขื่อนสิริกิติ์ แต่การปฎิบัติงานไม่ได้ผล เพราะความชื้นในอากาศไม่เพียงพอ และต่อจากนี้ไปกรมชลประทานอาจต้องปรับแผนการระบายเพียงวันละ 4 ล้านลูกบาศก์เมตรเท่านั้น  เพื่อผลักดันน้ำเค็ม และเพื่อด้านอุปโภค บริโภค แก่ผู้ใช้น้ำใต้เขื่อนฯ และ ไม่สามารถระบายน้ำให้ใช้ด้านการทำนาปรังได้ จึงควรให้ผู้ใช้น้ำลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาควรใช้น้ำกันอย่างประหยัด คาดว่าปีนี้อาจจะเกิดเหตุการณ์วิกฤติเรื่องน้ำอย่างแน่นอน 

ด้าน ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เห็นถึงความสำคัญของปัญหาวิกฤตภัยแล้ง โดยเฉพาะทางภาคเหนือตอนบนลงมาจนถึงเขื่อนสิริกิติ์  มีปริมาณน้ำอยู่ไม่เพียงพอ จึงต้องมีการแก้ปัญหาแบบบูรณาการของทุกภาคส่วน ทั้งกองทัพ กรม กองต่าง  ๆ ร่วมออกมาแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน สิ่งสำคัญที่สุด คือ การทำการเกษตร จึงได้ประสานไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่องการเจาะน้ำบาดาลแล้ว และประสานไปยังกรมฝนหลวง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนต่อไป

50867.jpg