ไม่พบผลการค้นหา
'อนุทิน' ไม่ให้ค่า หลัง 'ชูวิทย์' ฝากบาปกรรมจะติดตัว ปมนโยบายกัญชา แฉกลับเบื้องหลังเป็นเกมการเมือง ไม่ใช่ครั้งแรก ร้องอู้ยทราบอยู่แล้วว่าใคร ยันไม่จำเป็นต้องคุย 'พีระพันธุ์' เผยสัปดาห์ที่แล้ว 'ชูวิทย์' ยังโทรหา คาดโกรธเพราะ ภท.ไม่ให้ทำพื้นที่ กทม.

วันที่ 26 ก.พ. อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีที่ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เตรียมไปบุกกระทรวงสาธารณสุข และโจมตีการใช้กัญชาในประเทศ ว่า ยังไม่ทราบ ทุกคนมีสิทธิอยู่แล้วในฐานะประชาชน เราก็ต้องรับฟังข้อร้องเรียนผ่านช่องทางต่างๆ 

เมื่อถามว่า ได้ประเมินไว้หรือไม่ว่าเหตุใด ชูวิทย์ จึงได้พุ่งเป้ามาที่พรรคภูมิใจไทย อนุทิน ระบุว่า ไม่ได้ประเมิน เราทำงานของเรา ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรตามที่รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายเปิดทางให้ 

อนุทิน ยอมรับว่า เบื้องหลังการแชร์ของ ชูวิทย์ มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงใกล้เลือกตั้ง มันก็เป็นตัวชี้วัดอย่างหนึ่งเช่นกัน พร้อมมองว่าไม่ได้ทำให้คะแนนเสียงของพรรคภูมิใจไทยลดลง เพราะพรรคภูมิใจไทย มีนโยบายและผลงานที่ชัดเจน ไม่เคยไปลอกผลงานของคนอื่น มีแต่ผลงานของตัวเราเอง ทำอะไรก็รู้ ประชาชนก็รู้ ทำงานก็รู้ พรรคภูมิใจไทยมีเส้นทางและ หนทางของตัวเองอยู่แล้ว 

เมื่อถามย้ำว่า ทราบหรือไม่ว่ากลุ่มการเมืองที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เป็นใคร อนุทิน ร้องอู้ย ทราบอยู่แล้ว แต่ทำไมจะต้องมาพูด เราก็ทำงานของเราไป ถามว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นครั้งแรกหรือไม่ก็ไม่ใช่ เพียงแต่พรรคภูมิใจไทยไม่ทำแบบนี้ 

เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยกับ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) หรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า ไม่ต้องคุย พร้อมถามกลับสื่อว่าคุยทำไม ตอนนี้คุยไปก็ไม่มีประโยชน์ เลือกตั้งเสร็จใครมีจำนวน ส.ส.เท่าไหร่ ค่อยไปคุย เงื่อนไขและรายละเอียด ตอนนี้เหมือนทุกอย่างเป็นไปตามไทม์ไลน์ ทุกคนต้องทำหน้าที่ให้เต็มที่ เพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากประชาชน พรรคภูมิใจไทยคิดอยู่แค่นี้ เดินทางร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ ใครจะทำอะไรก็แล้วแต่เราก็ทำงานของเราใกล้ชิดประชาชน

เมื่อถามว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) สามารถมองหน้ากันได้หรือไม่ อนุทิน ตอบว่า ก็มองอีกแค่ 2-3 สัปดาห์ ก็ไม่เป็นไร ความสัมพันธ์ส่วนตัวและความสัมพันธ์ของคณะรัฐมนตรีต้องแยกกัน ซึ่งเรื่องนี้ตนเคยพูดไปแล้ว 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าต้องทนอึดอัดไปก่อนใช่หรือไม่ อนุทิน ตอบว่า ก็ไม่ได้อึดอัดอะไร เพราะเราทำงาน มา ครม.คือมาทำงาน ไม่ทำงานก็หาว่าโดนละเว้น ส่วนจะส่งผลต่อการร่วมรัฐบาลหลังเลือกตั้งหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของแต่ละพรรค 

“มันก็ดีเหมือนกันนะ ก่อนเลือกตั้ง ทุกคนก็ได้ทำงานอย่างเต็มที่ ปลดแอกปลดพันธนาการทั้งหลาย ทำให้เราอยากเป็นตัวของตัวเรา จะได้คิดอะไรโดยที่ไม่ต้องเกรงอกเกรงใจ หรือวิตกกังวล บางครั้งเราต้องคิดถึงตัวเราเอง หากมัวไปคิดถึงคนอื่น ก็ไม่เป็นสิ่งที่ดีกับตัวเรา”

เมื่อถามว่า ชูวิทย์ จะสกัดไม่ให้เป็นรัฐบาลนั้น อนุทิน นิ่งไปประมาณ 3 วินาที ก่อนระบุว่า “ไม่ให้ราคา”

ส่วนที่ ชูวิทย์ บอกว่าบาปกรรมจะติดตัวนายอนุทิน หากผลักดันนโยบายกัญชาต่อไป อนุทิน กล่าวด้วยเสียงสูงว่า สัปดาห์ที่แล้ว ชูวิทย์ เพิ่งโทรศัพท์หาตน เพื่อนัดทานข้าวแต่ก็ยังไม่ได้ทันได้นัด ก็ออกมาว่ากันเสียแล้ว เป็นธรรมดาของเรื่องการเมืองที่รู้ๆกันอยู่แล้ว 

ส่วนจะมีการโทรเคลียร์ใจกันหรือไม่ อนุทินกล่าวว่าไม่โทร ตนเคยโทรไปครั้งหนึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว 

ชูวิทย์ ชวนโทรไปกินข้าว แต่ก็ไม่รับสายแล้ว และมีประเด็นต่างๆเกิดขึ้น ก็ไม่ควรที่จะโทรไปแล้ว จริงๆเป็นคนรู้จัก ให้กำลังใจกันมาโดยตลอด เคยคิดจะทำการเมืองในพื้นที่กรุงเทพฯด้วยกัน แต่พรรคภูมิใจไทยในขณะนั้นรู้สึกว่า การทำพื้นที่กรุงเทพฯยังยาก แต่ว่าตอนนี้ได้ พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ มานำทีม กทม. คาดว่า ชูวิทย์ น่าจะโกรธด้วยสาเหตุนี้ 

“โอ้ยคุณชูวิทย์กับผมรู้จักกันหลายปี งานแต่งลูกก็เป็นเพื่อนกัน เรื่องพวกนี้เป็นกลเกมทางการเมือง ก็ว่าไป แต่ละคนก็มีหน้าที่ และเราก็ทำหน้าที่ของเรา ใครอย่าทำผิดกฎหมายก็แล้วกัน” 

เมื่อถามว่า ชูวิทย์ โกรธ อนุทินเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าด้วยหรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า เรื่องบุหรี่ไฟฟ้าเป็นท่าทีของกระทรวงสาธารณสุขมาหลายปีแล้ว พูดมา4-5ปีแล้ว แต่เรื่องกัญชาขอให้ไปดู นายชูวิทย์โพสต์เต็มไปหมดเลย แคปว่าใครทำกัญชา มันเป็นการกล่าวให้ร้าย ถึงอะไรบ้างอย่าง หวังผลอะไรบ้างอย่าง แต่พรรคภูมิใจไทยไปไกลแล้ว พร้อมย้ำว่า พรรคภูมิใจไทยหวังว่าคนที่ไม่ได้เลือกพรรคในคราวที่แล้ว จะเห็นผลงานมาตลอด 4 ปี


ไม่ออกความเห็น​ 'ไตรรงค์​' ดึงสถาบันปราศรัย​

อนุทิน​ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม​ ในฐานะประธาน คณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคการเมืองพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ปราศรัยใหญ่ ที่จังหวัดนครราชสีมา เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา​ ว่า ตนไม่ได้ติดตาม เนื่องจากสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเดินทางลงพื้นที่ จังหวัด​สงขลา​ และนครศรีธรรมราช​ ซึ่งตนก็เดินทางแหลกลานเหมือนกันในช่วงนี้​ ไม่มีเวลามานั่งดูคนอื่นหรอก พรรคใครก็พรรคมัน ต่างคนก็ต่างทำหน้าที่ของตัวเอง

ส่วนพรรคภูมิใจไทยจะมีนโยบายอะไรมาเกทับพรรคการเมืองอื่นหรือไม่​ ในเรื่องสวัสดิการ​ อนุทิน ปฏิเสธว่า ไม่มี และอย่างที่บอกตนไม่เคยยุ่งเรื่องของคนอื่นและมั่นใจว่านโยบายของพรรคภูมิใจไทย ทุกเรื่องเกี่ยวกับการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว ฉะนั้นภูมิใจไทยก็มั่นใจในประเด็นของเรา พร้อมบอกว่า อย่าไปบัฟกันถ้าไปบัฟกันก็จะเกิดความขัดแย้ง​ แล้วมาบอกว่าจะเร่งสร้างความสามัคคีกัน แต่สุดท้ายขึ้นเวทีก็ใส่กันไม่มียั้ง ซึ่งภูมิใจไทยไม่ใช่วิถีทางนี้แน่​ มันย้อนแย้งกับเจตนารมณ์​ พร้อมบอกว่าขอให้ไปดูทุกพรรค​ บอกให้ดำรงไว้ซึ่งสถาบันของชาติและความสามัคคี เพื่อสร้างความมั่นคงภายในประเทศ แล้วพอขึ้นเวทีกลับมาพูดใส่กัน คนนี้คนชั่ว แล้วจะไปสามัคคีได้อย่างไร พร้อมย้ำว่าพรรคภูมิใจไทยมีสติอยู่ตลอดเวลา

เมื่อถามว่า​ สามารถยืนยันได้หรือไม่หากภาคภูมิใจไทย ได้คะแนนเสียงมากกว่า รทสช. ของ พล.อ ประยุทธ์ แล้วจะเป็นนายกรัฐมนตรีเอง อนุทิน ยืนยันว่า ยืนยันสิ​ ไม่ยืนยันได้อย่างไร ทักอะไรที่เป็นผู้ประกาศแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเพียงคนแรกและคนเดียว ซึ่งประกาศมาเกือบ 2 เดือนแล้ว หากไม่พร้อมก็ถือได้ว่าโกหกประชาชน มาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเล่นๆอย่างนั้นหรือมันไม่ได้ เราต้องทำให้ประชาชนเห็นว่า ถ้าพรรคนำเสนอนโยบายแบบนี้ มีผู้นำที่เป็นแคนดิเดตคนนี้จะนำสิ่งที่นำเสนอเป็นนโยบาย ให้เกิดเป็นผลสัมฤทธิ์ให้ได้ ฉะนั้นสมาชิกพรรคจึงเลือกเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี​ 

"ถ้าเกิดเราได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนมากที่สุด​ ไม่เป็นก็หักหลังเขา(ประชาชน)​นะ ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว พรรคภูมิใจไทยหักหลังประชาชนไม่ได้"

เมื่อถามย้ำว่า หากวันนั้นพรรคภูมิใจไทยได้คะแนนเสียงมากกว่า แต่ รวมไทยสร้างชาติ มีเสียงสมาชิกวุฒิสภา​ (​ส.ว) สนับสนุน​ พรรคภูมิใจ​ไทย​ ก็จะต่อต้านใช่หรือไม่​ นั้น อนุทิน​ ระบุว่า ก็ว่ากันไปตรงนั้น ผมต้องยึดถือพี่น้องประชาชน เป็นหลักเป็นกำแพงไว้ก่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคการเมืองต้องยึดถือไว้

เมื่อถามว่า จะยึดเสียงของประชาชนมากกว่าเสียงของ ส.ว. ใช่หรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยมั่นใจว่าเสียงของประชาชน สำคัญกว่า​ใหญ่กว่า​และมีความหมายมากกว่าอยู่แล้ว​

ส่วนมองอย่างไรถึงกรณีที่ ไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ​ มีการกล่าวปราศรัยถึงสถาบันเบื้องสูงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา​ จะมีข้อบังคับการหาเสียงเลือกตั้งหรือไม่​ อนุทิน กล่าวว่า ขอให้ไปถามคณะกรรมการการเลือกตั้ง​ (กกต.)

เมื่อถามว่า​ จุดยืนการหาเสียงเรื่องสถาบัน​ พรรคภูมิใจไทยจะไม่พูดถึง ใช่หรือไม่ อนุทิน กล่าวว่า​ มันชัดเจนอยู่แล้ว เราไม่แตะในเรื่อง มาตรา​ 112 เราเชื่อว่าทุกอย่างตรงนั้น มีความเหมาะสมและความชอบธรรมอยู่แล้ว ซึ่งมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว

เมื่อถามต่อว่า กรณีที่ ไตรรงค์ พูดวลีเช่นนี้​ แสดงว่าผิดข้อบังคับชัดเจนแล้วใช่หรือไม่​ อนุทิน​ ปฏิเสธว่า​ ตนไม่ได้ฟัง​ วันนี้ขืนไปนั่งฟังพรรคอื่นปราศรัยแล้วเราจะเอา สมาธิที่ไหนไปปราศรัยของพรรคเรา เรามั่นใจว่าเราทำนโยบายของพรรคเราออกมาแบบนี้แล้ว​ เป็นนโยบายที่ตั้งเอาไว้​ ไม่ใช่ฟังนโยบายพรรคอื่นแล้วมาแก้ตาม​ เพราะจะดูเหมือนว่าเราไม่มีความมั่นใจ ฉะนั้นเราต้องสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ว่านโยบายที่เสนอเป็นประโยชน์ และสามารถปฏิบัติได้