บิ๊กซี เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ปีนี้ เติบโต 2.7% แม้จะอยู่ในช่วงโลว์ซีซัน เนื่องรายได้จากค่าเช่า และค่าบริการที่เติบโตมากขึ้น
นางสาว รำภา คำหอมรื่น ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน และรองประธานฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด(มหาชน) ระบุ ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปีนี้ ถือว่าเติบโตได้ดี ท่ามกลางความท้าทายของเศรษฐกิจที่มีมาต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2556 จนถึงไตรมาส 3 ปีนี้ รวมทั้งการที่ไตรมาส 3 ของทุกปี เป็นช่วงโลว์ซีซัน แต่ บิ๊กซี ยังตอบสนองความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มได้
โดยยอดขายในไตรมาส 3 อยู่ที่ 2 หมื่น 9 พัน 692 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 788 ล้านบาท หรือ 2.7% โดยมีรายได้จากค่าเช่าและค่าบริการ 2 พัน 383 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.6% และมีกำไรสุทธิ 1 พัน 570 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.3% เป็นผลมาจากแคมเปญการตลาดที่ประสบความสำเร็จ อาทิ แคมเปญวันเดย์วันไพรซ์ ที่เป็นการจำหน่ายสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ , การร่วมมือกับภาครัฐ จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าราคาประหยัด
รวมทั้งการปรับปรุงฐานข้อมูลสมาชิกบัตรบิ๊กการ์ด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการ��่งข้อความเอสเอ็มเอส และไดเร็คต์เมล์ , การทำแคมเปญการตลาดแบบเจาะกลุ่มเป้าหมาย และการเปิดใช้แอพฯ LINE ซึ่งมีผู้สมัครสมาชิกมากกว่า 5 แสนราย ภายหลังเปิดให้บริการเพียงไม่กี่วัน
นอกจากนี้ ยังขยายสาขาใหม่ และปรับปรุงพื้นที่เช่า ทำให้รายได้จากค่าเช่าและค่าบริการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ โดยเปิดศูนย์กระจายสินค้ามินิบิ๊กซีแห่งใหม่ และการบริหารจัดการคลังสินค้า การบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ
โดยไตรมาส 3 ได้เปิดบิ๊กซี มาร์เก็ต 3 สาขา ที่อำเภอ เสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา และอำเภอบางมูลนาค จังหวัดพิจิตร และ มินิบิ๊กซี 5 สาขา โดยอยู่ในปั๊มน้ำมันบางจาก 3 สาขา และร้านขายยาเพรียว 2 สาขา
ทำให้สิ้นเดือนกันยายน 2557 บิ๊กซี มีไฮเปอร์มาร์เก็ต รวม 123 สาขา บิ๊กซี มาร์เก็ต 35 สาขา และมินิ บิ๊กซี 316 สาขา อยู่ในปั๊มบางจาก 82 สาขา และร้านขายยาเพรียว 150 สาขา