ยอดขายและส่วนแบ่งสมาร์ทโฟนในตลาดโลกในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ออกมาแล้ว พบว่าอันดับที่ 1 ยังคงเป็นซัมซุง ขณะที่อันดับ 2 เป็นไอโฟน และอันดับ 3 ที่ตามไอโฟนมาติดๆคือหัวเหว่ย ซึ่งยอดขายของหัวเหว่ยที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ทำให้หัวเหว่ยตั้งเป้าที่จะขึ้นมาเป็นอันดับ 2 สมาร์ทโฟนที่ขายดีที่สุด รวมทั้งในไทยด้วย

ผลสำรวจของบริษัทวิเคราะห์การตลาด Strategy Analytics เปิดเผยว่ายอดขายและส่วนแบ่งสมาร์ทโฟนในตลาดโลกในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ยังคงเป็นซัมซุงที่มียอดขายเป็นอันดับ 1 ซึ่งไตรมาสที่ผ่านมาขายได้ 79ล้าน5แสนเครื่อง คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 22.1% ส่วนอันดับ 2 คือไอโฟนซึ่งขายได้ 41 ล้านเครื่อง น้อยกว่าซัมซุงเกือบเท่าตัว คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 11.1% ส่วนอันดับที่ 3 คือหัวเหว่ย ซึ่งมียอดขายจี้ตามหลังไอโฟแบบติดๆที่ 38.4 ล้านเครื่อง คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 10.7% 

หากเทียบยอดขายกับช่วงไตรมาสเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว จะพบว่าส่วนแบ่งตลาดของทั้งซัมซุงและไอโฟนลดลงเล็กน้อย แต่ว่าส่วนแบ่งตลาดของหัวเหว่ยเพิ่มขึ้นจากช่วงไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว 1.3% ขณะที่สมาร์ทโฟนที่ขายดีเป็นอันดับที่ 4 และที่ 5 อย่างออปโป้ และ เสี่ยวหมี่ ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนจากประเทศจีน ก็มีส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน

ในส่วนของประเทศไทย ส่วนแบ่งการตลาดของหัวเหว่ยก็อยู่อันดับที่ 3 เช่นกัน ซึ่งทางผู้บริหารตั้งเป้าว่าจะผลักดันให้ยอดขายของหัวเหว่ยในไทยเพิ่มขึ้นอีก 3 เท่า และก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ให้ได้ภายในปีนี้ โดยขณะนี้ บริษัทแม่ของหัวเหว่ยที่อยู่ในจีน ให้ความสำคัญกับตลาดในไทยมาก โดยได้ทำการยกระดับตลาดในไทยให้เป็นระดับ Tier 1 ซึ่งหมายถึงตลาดที่มีความสำคัญระดับสูงสุด ทำให้ไทยเป็นกลุ่มประเทศแรกๆที่หัวเหว่ยจะทำการเปิดตัวและจำหน่ายสินค้า และล่าสุดหัวเหว่ยก็ได้ทุ่มทุนกว่า 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเปิดศูนย์ Open Lab ในกรุงเทพแล้ว ที่อาคาร จี ทาวเวอร์ บนถนนรัชดาภิเษก ซึ่งศูนย์แห่งนี้ทำหน้าที่เป็นแพล็ทฟอร์มพื้นฐานด้านไอซีทีแบบครบวงจรสำหรับองค์กรต่างๆ และให้บริการฝึกอบรมด้านไอซีที ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการพัฒนานวัตกรรม 

ทางหัวเหว่ยประเทศไทยได้เปิดเผยถึงยุทธศาสตร์ 4 ข้อที่ทำให้หัวเหว่ยเติบโตขึ้นได้อย่างต่อเนื่องในไทย ประกอบด้วย 1) การพัฒนาผลิตภัณฑ์, 2) การขยายช่องทางจัดจำหน่าย, 3) การพัฒนาการให้บริการหลังการขาย, และ 4) การสร้างแบรนด์ ซึ่งหัวเหว่ยได้ทุ่มงบโฆษณาทั้งสื่อทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมทั้งการจัดกิจกรรมทางการตลาด และมีแผนที่จะเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายเป็น 8,000 จุด และเตรียมเปิดแบรนด์ช็อปอีก 45 แห่งภายในปีนี้ ในส่วนของศูนย์บริการที่ก่อนหน้านี้เป็นจุดอ่อนของหัวเหว่ย ก็ได้ขยายศูนย์บริการเป็น 14 แห่งทั่วประเทศเรียบร้อยแล้ว

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่าว่า ในปีนี้ สมาร์ทโฟนจากจีนน่าจะมีส่วนแบ่งทางการตลาดในไทยมากกว่า 30%  ซึ่งเพิ่มขึ้นราวหนึ่งเท่าตัวจากปี 2015 ที่สมาร์ทโฟนจากจีนมีส่วนแบ่งทางการตลาดรวมกันเพียง 15% ซึ่งเป็นการแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดมาจากผู้ผลิตสมาร์ทโฟนสัญชาติอื่นๆ และสาเหตุที่ทำให้สมาร์ทโฟนจากจีนมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะมีราคาที่ถูกกว่าและนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ๆที่น่าสนใจ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงการให้บริการหลังการขายให้ดีขึ้นด้วย