สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตรียมแนวทางการเข้าจับกุมแกนนำ กปปส. หลังวันนี้(5 ก.พ.) ศาลาอาญา อนุมัติหมายจับ แกนนำทั้ง 19 คน ฝ่าฝืนพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ศาลอาญาอนุมัติหมายจับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. และแกนนำรวม 19 คน ในข้อหากระทำผิดตาม พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 มาตรา11 วงเล็บ 1 และมาตรา 12
ซึ่งศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ร้องเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งได้ประกาศในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ประกอบกับพยานหลักฐานของผู้ร้อง ทั้งพยานบุคคลทั้ง 18 ปาก พยานเอกสาร วัตถุพยาน เช่นแผ่นวีซีดี บันทึกภาพเคลื่อนไหวเหตุการณ์ต่างๆ จำนวน 2 ลัง ทำให้รับฟังได้ว่ามีเหตุผลเพียงพอ จึงอนุญาตให้จับกุมผู้ต้องสงสัยทั้ง 19 ราย ได้ จนกว่าสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงนั้นจะถูกยกเลิก
โดยศาลกำหนดให้รายงานความคืบหน้า เกี่ยวกับการจับกุมต่อศาลทุก 3 เดือน จนกว่าจะจับกุมตัวได้ และเมื่อจับกุมได้แล้ว ให้นำตัวไปควบคุมไว้ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1 จังหวัดปทุมธานี มีกำหนดเวลาเท่าที่จำเป็น แต่ไม่เกิน 7 วัน นับตั้งแต่วันจับกุม พร้อมทั้งให้จัดทำรายงาน การจับกุมและควบคุมตัว แนบภาพถ่ายผู้ถูกจับกุมเสนอต่อศาลอย่างช้าภายใน 48 ชั่วโมง นับแต่วันที่จับกุมได้
ท้ายคำสั่ง ศาลยังได้ออกข้อกำหนด ห้ามนำหมายจับของศาลไปเผยแพร่ โดยการถ่ายภาพด้วยกล้องถ่ายภาพ โทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือเครื่องมือสื่อสารใดๆ ในโลกโซเซียลออนไลน์ และห้ามนำไปทำสำเนา แล้วโปรยทางเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์แก่ประชาชน หากฝ่าฝืนข้อกำหนดดังกล่าวจะเข้าข่ายละเมิดอำนาจศาล
ด้านพลตำรวจตรีขจรศักดิ์ ปานสาคร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส. กล่าวว่า จะนำหมายจับไปมอบให้พลตำรวจโทวินัย ทองสอง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าชุดจับกุม ดำเนินการต่อ ซึ่งเชื่อว่าชุดจับกุมมีแนวทางและวิธีการอยู่แล้ว จึงเชื่อว่าจะสามารถดำเนินการได้เร็วๆนี้
อย่างไรก็ตาม ศรส. มีนโยบายให้หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงเข้าจับกุมแกนนำ ให้ใช้วิธีละมุนละม่อม
สำหรับนายสุเทพ ตกผู้ต้องหากบฏ ตามหมายจับของศาลอาญา ถนนรัชดา วันที่ 2 ธันวาคมปีที่แล้ว ขณะที่นายนายนิติธร / นายอุทัย ยอดมณี นายรัชตชยุต และนายพิชิต ไชยมงคล ถูกออกหมายจับข้อหามั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ กรณีนำผู้ชุมนุมบุกยึดกระทรวงการต่างประเทศ
ขณะที่วันพรุ่งนี้ ศาลยังได้นัดฟังคำสั่งว่าจะอนุมัติหมายจับพระพุทธอิสระ จากข้อหาขัดขวางการเลือกตั้งล่วงหน้า ในวันที่ 26 มกราคม และวันที่ 2 กุมภาพันธ์ หรือไม่ หลังตำรวจสถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้อง ขึ้นเบิกความต่อศาล และได้นำพยานเอกสารมาแสดง ว่าทั้งสองวัน พระพุทธอิสระ ได้นำมวลชนไปปิดล้อมสำนักงานเขตหลักสี่ จนเจ้าหน้าที่ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้
ส่วนความคืบหน้าคดีปะทะที่แยกหลักสี่ เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์นั้น พลตำรวจเอก เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า จากการตรวจสอบภาพนิ่ง และคลิปวิดีโอ พบว่า คนร้ายที่ปรากฏตามภาพ เบื้องต้น มีประมาณ 21 คน ซึ่งทราบชื่อและตัวบุคคลแล้ว 3 คน คาดว่า จะสามารถขออนุมัติศาลออกหมายจับได้เร็วๆ นี้
พร้อมยืนยันว่า ตำรวจดำเนินการตามพยานหลักฐานและข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นใครก็ตาม ส่วนภาพรถขนอาวุธที่ปรากฏในคลิปวีดีโอ ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบและติดตามรถคันดังกล่าวอยู่
ส่วนคดีระเบิดที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และ ถนนบรรทัดทอง ขณะนี้ อยู่ระหว่างการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอยืนยัน จากเสื้อและหมวกของคนร้ายที่ทิ้ง ไว้บริเวณใกล้จุดเกิดเหตุ เบื้องต้น คาดว่า คนร้ายทั้งสองคดีเป็นกลุ่มเดียวกัน และยืนยันได้ว่า ไม่ใช่คนในเครื่องแบบ และไม่ใช่บุคคลต่างด้าว