ไม่พบผลการค้นหา
World Trend - บ.อิสราเอล บล็อกระบบจดจำใบหน้า-ปกป้องข้อมูลผู้ใช้ - Short Clip
World Trend - EU หนุนการแพทย์ฉุกเฉินด้วยเฮลิคอปเตอร์ในไทย - Short Clip
World Trend - HSBC เตรียมนำ AI มาตรวจสอบการฟอกเงิน - Short Clip
World Trend - Apple ยอมรับ ลำโพง HomePod ทำให้เกิดคราบบนพื้นไม้จริง - Short Clip
World Trend - วิจัยชี้ ภาษีโซดาช่วยลดการบริโภค - Short Clip
World Trend - แท็กซี่ญี่ปุ่นปรับกลยุทธ์รองรับโอลิมปิก - Short Clip
World Trend - รถยนต์ไฟฟ้าไม่ใช่ยาครอบจักรวาล - Short Clip
World Trend - จีนทดสอบ AI ตรวจการบ้านในโรงเรียน - Short Clip
World Trend - เนเธอร์แลนด์ลงทุนเพิ่มให้คนใช้จักรยานมากขึ้น - Short Clip
World Trend - เกาหลีใต้เริ่มแบนถุงพลาสติกในซูเปอร์มาร์เก็ต - Short Clip
World Trend - ฮ่องกงเช็กระบบช่วยคนแก่-คนพิการข้ามถนน - Short Clip
World Trend - เกาหลีใต้จำกัดจำนวนไอดอล 'หน้าเหมือนกัน' - Short Clip
World Trend - จีนเปิดตัวคอร์สอบรมนักพัฒนา AI นานาชาติ - Short Clip
World Trend - วิจัยชี้ กินเนื้อแปรรูปเสี่ยงมะเร็งเต้านม - Short Clip
World Trend - 'อคติสีผิว' ใน AI อาจทำให้คนผิวเข้มเสี่ยงถูกรถไร้คนขับชน - Short Clip
World Trend - สมาร์ตโฟนหน้าจอใหญ่เพิ่มโอกาสเล่นเกมชนะ - Short Clip
World Trend - วิจัยชี้ มนุษย์กังวลเรื่องชื่อเสียงตั้งแต่อนุบาล - Short Clip
World Trend - แบรนด์ดังเตรียมผลิตบรรจุภัณฑ์ 'ใช้ซ้ำ' - Short Clip
World Trend - ญี่ปุ่นใช้ 'หุ่นยนต์ตักข้าว' แก้ปัญหาขาดแคลนแรงงาน - Short Clip
World Trend - กูเกิลพัฒนารถไร้คนขับให้ลุยหิมะได้ - Short Clip
World Trend - สิงคโปร์เตรียมใช้ระบบจำแนกใบหน้าตามหาผู้โดยสาร - Short Clip
May 2, 2018 09:10

ขณะเดินทางไปต่างประเทศ หลายคนอาจเคยชอปปิงในสนามบินเพลิน จนอาจไปขึ้นเครื่องไม่ทัน ซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่สำหรับหลายสายการบินที่ทำให้เที่ยวบินล่าช้า แต่ล่าสุด สนามบินชางงีของสิงคโปร์ เตรียมนำระบบจำแนกใบหน้ามาช่วยตามหาผู้โดยสารภายในสนามบิน เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการบริการมากขึ้น 

ท่าอากาศยานสิงคโปร์ชางงี ทดลองใช้ระบบจำแนกใบหน้า หรือ Facial recognition เพื่อช่วยค้นหาผู้โดยสารหาย หรือมัวแต่ทำกิจกรรมภายในสนามบินจนลืมเวลาขึ้นเครื่อง เช่น ชอปปิงอยู่ในร้านค้าปลอดภาษี โดยจะใช้ภาพจากกล้องที่ติดตั้งบนเสาโคมทั่วสนามบินมาเปรียบเทียบกับภาพในฐานข้อมูลของระบบจดจำใบหน้า เพื่อตามผู้โดยสารให้มาขึ้นเครื่อง ซึ่งจะช่วยให้เที่ยวบินออกได้ตรงเวลามากขึ้น

อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายมีความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว โดยสตีฟ ลี หัวหน้าฝ่ายข้อมูลของกลุ่มท่าอากาศยานชางงีกล่าวว่า สนามบินได้รับรายงานว่ามีผู้โดยสารหายไปเป็นจำนวนมาก ทางสนามบินจึงต้องการช่วยตรวจสอบและค้นหาผู้โดยสารที่กำลังจะเดินทาง ซึ่งต้องได้รับการอนุญาตจากสายการบินก่อน โดยเทคโนโลยีการจดจำใบหน้าจะช่วยจับคู่ใบหน้าของผู้โดยสารที่อยู่ในฐานข้อมูล และขณะนี้กำลังทดสอบเทคโนโลยีนี้ร่วมกับหลายธุรกิจ เพื่อเตรียมนำไปใช้งานจริงภายในปีหน้า ซึ่งบริษัทจีน 'Yitu' เผยหลังเจรจากับกลุ่มท่าอากาศยานชางงีว่า ระบบของบริษัทสามารถตรวจจับใบหน้าได้มากกว่า 1.8 พันล้านคน ภายในเวลาไม่ถึง 3 วินาที

ปัจจุบัน T4 ซึ่งเป็นเทอร์มินัลใหม่ของสนามบินชางงีได้นำระบบจำแนกใบหน้ามาใช้ในระบบบริการตนเองบ้างแล้ว เช่น เช็กอิน แบ็กดรอป ตรวจคนเข้าเมือง และขึ้นเครื่องบิน ซึ่งท่าอากาศยานได้เตรียมนำระบบจำแนกใบหน้ามาปรับปรุงใช้ในเทอร์มินัล 1 ถึง 3 ด้วย ซึ่งลีบอกว่าในอนาคตอาจจะสามารถใช้ไบโอเมตริกแทนพาสปอร์ตได้

ผลสำรวจจาก Skytrax เผยว่า สนามบินชางงีเป็นสนามบินที่ดีที่สุดในโลกติดต่อกันถึง 6 ปีซ้อน โดยตอนนี้สนามบินนี้ได้เริ่มนำเอาเทคโนโลยีที่หลากหลายมาช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นภายในสนามบินอยู่ตลอด เพื่อผลักดันให้ประเทศเป็นสมาร์ตซิตี้ เช่น การใช้เซ็นเซอร์ตรวจสอบเมื่อเครื่องบินถอยกลับจากเกตหรือเมื่อเทคออฟ เพื่อช่วยให้ประสิทธิภาพการตัดสินใจสั่งการบนหอบังคับการบินดีขึ้น// และลดเวลา Taxi ของเครื่องบินลงได้ถึง 90 วินาทีต่อเที่ยวในช่วงพีค และยังมีระบบ AI ที่ทำนายสภาพอากาศ ลม และเส้นทางการแลนดิ้งของเครื่องบินเพื่อทำนายเวลาถึงสนามบินได้แม่นยำขึ้น

Source

Changi Airport



Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
185Article
76559Video
0Blog