มูจิกำลังเผชิญหน้ากับยอดการขายที่ลดลงทั่วโลก โดยเฉพาะในตลาดจีน ด้านผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าแม้มูจิเป็นสินค้าคุณภาพสูง แต่ต้องปรับราคาสินค้าลง
บริษัท เรียฮิน เคียวคาคุ บริษัทแม่ของแบรนด์มูจิ รายงานว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปีที่บริษัทมีกำไรลดลงและยอดขายตกลงกว่าที่ตั้งเป้าไว้ โดยเฉพาะในร้านค้าที่ตั้งอยู่ในจีน เนื่องมาจากแนวคิดของแบรนด์ที่ว่า 'less is more น้อยแต่มาก' ซึ่งเป็นแนวคิดหลักของมูจิและเป็นจุดเด่นของมูจิในการแข่งขันในตลาดสินค้า ซึ่งมูจิมีเป้าหมายสร้างไลฟ์สไตล์แบบมูจิในกลุ่มผู้บริโภคทั่วโลก และล่าสุดลงทุนขยายธุรกิจไปยังโรงแรมภายใต้แบรนด์มูจิและรถบัสดีไซน์แบบมูจิที่มีขายในอินเดียและสวิตเซอร์แลนด์
อย่างไรก็ตาม สินค้ามูจิที่ไม่มีการตีตราแบรนด์มูจิที่ชัดเจนนั้นกำลังกลายเป็นจุดอ่อนของมูจิ ซึ่งทำให้เกิดการลอกเลียนแบบสินค้าและนำมาขายในราคาที่ต่ำกว่า ก่อให้เกิดการแข่งขันทางด้านราคาในตลาดประเภทเดียวกัน และราคาของมูจิ แม้ว่าจะมีราคาไม่สูงเมื่อเทียบกับดีไซน์และคุณภาพวัสดุ แต่ทั้งนี้ราคาสินค้าจากมูจิเมื่อวางขายนอกประเทศญี่ปุ่นจะมีราคาที่สูงขึ้นมา เนื่องจากค่าขนส่งและภาษีนำเข้าของแต่ละประเทศที่บวกเพิ่มเข้าไปในราคาสินค้า ส่งผลให้สินค้าของมูจิมีราคาสูงกว่าสินค้าอื่น ๆ ที่อยู่ในตลาดประเภทเดียวหรือใกล้เคียงกันอย่างมินิโซ และโนเมะ
ผู้บริโภคชาวจีนรายหนึ่งกล่าวว่า แม้เขาจะรู้ว่ามินิโซพยายามลอกเลียนแบบมูจิ แต่มินิโซก็มีราคาที่ถูกกว่าและมีคุณภาพที่เป็นมาตรฐาน ขณะที่ อีกรายกล่าวว่า สินค้าของมินิโซนั้นมีความเหมือนกับสินค้ามูจิแต่คุณภาพนั้นมีความแตกต่างกันมาก การเลือกซื้อสินค้ามินิโซนั้นเธอไม่ได้คาดหวังว่าสินค้านั้นจะสามารถใช้งานได้นาน แต่เลือกเพราะราคาที่ถูกกว่า ปัจจัยด้านราคาจึงกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับแบรนด์มูจิ โดยเฉพาะการแข่งขันในตลาดเอเชีย มูจิจะต้องผลิตสินค้าให้มากขึ้นโดยเฉพาะในประเทศที่มูจิมีร้านค้า ในปีหน้า มูจิมีแผนที่จะผลิตสินค้าในอินเดียกว่า 200 ประเภท สำหรับร้านมูจิในอินเดีย หรืออีกทางเลือกหนึ่งของมูจิ คือย้ายฐานการผลิตสินค้ามายังภูมิภาคเอเชียตะวันอออกเฉียงใต้ ซึ่งมีแรงงานราคาถูก