สิงคโปร์เป็นประเทศแข่งขันทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในโลก แซงหน้าสหรัฐฯ ที่ตกอันดับลงมาอยู่ที่ 3 ขณะที่ เศรษฐกิจไทยก็อยู่ได้ด้วยนักลงทุนต่างชาติ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนีชี้วัดการแข่งขันทางเศรษฐกิจที่จัดโดย IMD Business School ของสวิตเซอร์แลนด์ ระบุว่าในปีนี้ 'สิงคโปร์' กลายเป็นประเทศอันดับ 1 ที่มีการแข่งขันทางเศรษฐกิจสูงที่สุด รองลงมาคือ ฮ่องกง และสหรัฐฯ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี ที่สิงคโปร์กลับมาอยู่ในอันดับ 1 อีกครั้ง โดยในรายงานระบุว่า โครงสร้างเทคโนโลยีขั้นพื้นฐานระดับสูง ทักษะความสามารถของแรงงาน รวมไปถึงกฎหมายการตรวจคนเข้าเมืองและประสิทธิภาพที่เอื้อต่อการเริ่มต้นทำธุรกิจของสิงคโปร์ เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ประเทศก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ที่มีการแข่งขันทางเศรษฐกิจที่ดีที่สุดในโลกปีนี้
ด้านสหรัฐฯ ปีนี้ตกลงมาอยู่ในอันดับ 3 จากที่เคยอยู่ในอันดับ 1 ในปีก่อนหน้า เนื่องจากปัญหาเรื่องภาษีและการส่งออกเทคโนโลยีระดับสูงที่อยู่ในช่วงขาลงของสหรัฐฯ ซึ่งรายงานดังกล่าวยังระบุอีกว่า เศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มเอเชียแปซิฟิกยังคงอยู่ในระดับดี ขณะที่ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นอกจากสิงคโปร์แล้ว อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีพัฒนาการทางเศรษฐกิจที่ดีที่สุดในภูมิภาค โดยเฉพาะในภาคการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน รวมไปถึงประสิทธิภาพของรัฐบาลที่มีความน่าเชื่อถือ และเงื่อนไขทางธุรกิจต่าง ๆ
สำหรับประเทศไทย อันดับการแข่งขันทางเศรษฐกิจกระโดดขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 25 ด้วยอานิสงส์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยตรงจากการลงทุนและการผลิตจากต่างชาติ ทางด้านญี่ปุ่นประเทศที่เคยเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ 2 ในช่วงทศวรรษ 1980 นั้นตกลงมา 5 อันดับ เนื่องการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศ รวมไปถึงหนี้สาธารณะของรัฐบาลที่สูงขึ้น และเงื่อนไขทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอมากขึ้น การจัดอันดับโดย IMD Business School ใช้ดัชนีกว่า 235 ตัว โดยแบ่งออกเป็นการชี้วัดทางเศรษฐกิจจาก 4 ประเภท ได้แก่ ศักยภาพของเศรษฐกิจ โครงสร้างพื้นฐานภายในประเทศ ประสิทธิภาพของรัฐบาล และประสิทธิภาพของภาคเอกชนในการทำธุรกิจ