โซนี่เล็งเป็นผู้นำเทคโนโลยีเลเซอร์สแกนใบหน้า
โซนี่ เป็นบริษัทได้ชื่อว่าเป็นผู้นำด้านการผลิตเซนเซอร์ถ่ายภาพ ทั้งสำหรับกล้องสมาร์ตโฟน กล้อง Mirrorless และกล้อง DSLR ซึ่งล่าสุด ได้ตั้งเป้าว่าจะขึ้นมาเป็นผู้นำในการผลิตเซนเซอร์สแกนใบหน้า 3 มิติ ด้วยแสงเลเซอร์ โดยนายซาโตชิ โยชิฮาระ หัวหน้าฝ่ายพัฒนาเซนเซอร์ของโซนี่ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า บริษัทพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่การผลิตชิปสำหรับกล้องหน้าและกล้องหลัง 3 มิติ ในช่วงปลายฤดูร้อนปีนี้ ตามความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ จากผู้ผลิตสมาร์ตโฟนหลายบริษัท ซึ่งชิปของโซนี่จะมาพร้อมระบบเซนเซอร์ใบหน้าที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา
เซนเซอร์สแกนใบหน้าที่โซนี่พัฒนาอยู่นี้ จะใช้วิธีตรวจจับใบหน้าด้วยระบบสะท้อนแสงเลเซอร์ ลักษณะเดียวกับที่ค้างคาวปล่อยคลื่นเสียงไปข้างหน้า เพื่อให้คลื่นเสียงสะท้อนกลับมา และทำให้รู้พิกัดของสิ่งกีดขวางโดยรอบได้ โดยแสงเลเซอร์นี้ เมื่อถูกส่งออกมาจากสมาร์ตโฟน และกระทบกับใบหน้าของผู้ใช้ จะสะท้อนกลับมายังที่เซนเซอร์ ทำให้สามารถตรวจจับใบหน้าของผู้ใช้งานได้ว่า เป็นใบหน้าที่ถูกต้องหรือไม่ ด้วยการคำนวนเวลาที่เลเซอร์แต่ละจุดใช้สะท้อนกลับมา ซึ่งวิธีนี้มีความแม่นยำกว่าการสแกนใบหน้าในสมาร์ตโฟนรุ่นปัจจุบันมาก และสามารถสแกนใบหน้าผู้ใช้งานได้ แม้จะอยู่ไกลถึง 5 เมตรด้วย
การปลดล็อกด้วยการสแกนใบหน้า กลายมาเป็นจุดขายสำคัญของสมาร์ตโฟนระดับแฟล็กชิป ซึ่งยังคงเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ยังสามารถพัฒนาได้อีกมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับขนาดของเซนเซอร์ที่ยังมีขนาดใหญ่ จนต้องใช้พื้นที่ด้านบนของหน้าจอสมาร์ตโฟนบางส่วนในการติดตั้ง ซึ่งหากเซนเซอร์สแกนใบหน้าของโซนี่มีขนาดเล็กลง และมีคุณสมบัติสแกนใบหน้าได้แม่นยำขึ้นแล้ว ก็จะถือเป็นการพัฒนาที่สำคัญของสมาร์ตโฟนอีกขั้นหนึ่ง
'เฟซบุ๊ก เมสเซนเจอร์' ทดสอบดาร์กโหมดในบางประเทศ
Facebook เปิดเผยว่า กำลังทดสอบระบบดาร์กโหมด หรือ โหมดถนอมสายตา สำหรับผู้ใช้งาน Facebook Messenger กลุ่มเล็ก ๆ ในบางประเทศ โดยไม่ได้เปิดเผยว่ามีประเทศไหนบ้างที่กำลังทดสอบอยู่ ซึ่งดาร์กโหมดนี้ จะมีพื้นหลังหน้าจอเป็นสีดำทั้งหมด จากเดิมที่เป็นสีขาว และเปลี่ยนตัวหนังสือบนจอเป็นสีขาวแทน ขณะที่ ช่องค้นหาด้านบนเป็นสีเทา และมีจะ UI บางส่วนที่เปลี่ยนแปลงไปจากโหมดปกติด้วย
ตามรายงานระบุว่า ดาร์กโหมดจะช่วยถนอมสายตาของผู้ใช้งาน จากการจ้องหน้าจอเพื่อพิมพ์ข้อความเป็นเวลานาน ๆ โดยเฉพาะผู้ที่ใช้งานในที่มืด เช่น ผู้ที่ปิดไฟพิมพ์ข้อความก่อนนอน ซึ่งการจ้องหน้าจอสีขาวสว่างในที่มืดจะทำให้ดวงตาเหนื่อยล้ามากเป็นพิเศษ นอกจากนี้ การเปลี่ยนหน้าจอจากสีขาวมาเป็นสีดำยังช่วยให้สมาร์ตโฟนประหยัดการใช้แบตเตอรี่ยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งที่ผ่านมา มีแอปพลิเคชันและเว็บไซต์หลายแห่งที่นำเสนอดาร์กโหมดเป็นตัวเลือกให้ผู้ใช้งานเปลี่ยนได้ตามชอบ
แอปเปิลปรับลดประมาณการรายได้ไตรมาสแรก
ทิม คุก ซีอีโอของแอปเปิล ส่งหนังสือถึงผู้ร่วมทุน แจ้งว่าผลประกอบการของแอปเปิลในไตรมาสแรกของปีนี้อาจได้น้อยกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ จึงมีการปรับลดประมาณการรายได้ลงจากที่เคยคาดว่าจะอยู่ที่ 89,000-94,000 ล้านดอลลาร์ ลงมาอยู่ที่ 84,000 ล้านดอลลาร์ โดยการปรับลดรายได้ของแอปเปิล ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีผลประกอบการดีที่สุดในโลกครั้งนี้ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยครั้งนัก และถือเป็นครั้งแรกที่แอปเปิลปรับลดการคาดการณ์รายได้ในรอบ 15 ปี
นักวิเคราะห์มองว่า การปรับลดรายได้ของแอปเปิลเป็นผลมาจากความต้องการสั่งซื้อไอโฟนจากผู้บริโภคที่ลดน้อยลงในช่วงเทศกาลหยุดยาวที่ผ่านมา ซึ่งโดยปกติแล้ว ช่วงเทศกาลคริสต์มาสต่อเนื่องกับปีใหม่จะเป็นเวลาที่ไอโฟนขายดีที่สุดในแต่ละปี ซึ่งในปีนี้ ยอดขายของแอปเปิลลดลง สอดคล้องกับตลาดสมาร์ตโฟนทั่วโลก ที่มียอดขายลดลงเช่นกัน ขณะที่การแข่งขันในตลาดเพื่อแย่งชิงลูกค้าก็ดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ
ด้าน ทิม คุก ได้ระบุสาเหตุที่ยอดขายไอโฟนลดน้อยลงว่า เป็นผลมาจากยอดขายในจีนที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งมาจากความขัดแย้งด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้า และการจับกุมตัวผู้บริหารของหัวเว่ย จนกลายเป็นกระแสต่อต้านสินค้าจากสหรัฐฯ ในประเทศจีน รวมถึงไอโฟนด้วย